Chery เปิดตัว Fulwin A8 รุ่นปี 2025 อย่างเป็นทางการ ประกอบไปด้วย 5 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้นที่ 79,900 – 109,900 หยวน หรือประมาณ 363,000 – 500,000 บาท จุดเด่นสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้คือการเพิ่มรุ่นที่วิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนไกล 70 กม. ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับซีดานคันนี้มากยิ่งขึ้น
ราคาจำหน่าย
- รุ่น 70km Basic (1.5L) 79,900 หยวน หรือประมาณ 363,000 บาท
- รุ่น 70km Standard (1.5L) 87,900 หยวน หรือประมาณ 399,000 บาท
- รุ่น 70km Comfort (1.5L) 93,900 หยวน หรือประมาณ 427,000 บาท
- รุ่น 145km Comfort (1.5T) 99,900 หยวน หรือประมาณ 454,000 บาท
- รุ่น 145km Luxury (1.5T) 109,900 หยวน หรือประมาณ 500,000 บาท
Chery Fulwin A8 ปี 2025 ยังคงยึดถือปรัชญาการออกแบบ “สุนทรียศาสตร์แบบตะวันออก” แผงด้านหน้ามีกระจังหน้าขนาดใหญ่และดูโดดเด่น เสริมด้วยองค์ประกอบตกแต่งสีดำระหว่างกระจังหน้าและบริเวณไฟตัดหมอกเพื่อให้เกิดความแตกต่างและความโดดเด่น เมื่อมองจากด้านข้าง จะเห็นเส้นแนวตรงของรถช่วยให้รถมีรูปลักษณ์เพรียวบางและเตี้ย
ด้านหลังมาพร้อมกับไฟท้ายแบบเต็มความกว้างพร้อมรายละเอียดสีควันบุหรี่ ผสมผสานกับเส้นสายของตัวถังที่เรียบเนียนได้อย่างลงตัว เน้นย้ำถึงความสปอร์ต
ขนาดมิติตัวถัง
- ความยาว 4,790 มม.
- ความกว้าง 1,843 มม.
- ความสูง 1,487 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,790 มม.
ภายใน Fulwin A8 ยังคงสไตล์ครอบครัวด้วยการออกแบบหน้าจอคู่แบบทันสมัยที่เพิ่มบรรยากาศเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ระบบอินโฟเทนเมนท์รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สายและ Huawei HiCar เพื่อการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนที่ราบรื่น พวงมาลัยแบบฐานแบนเสริมความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร
มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงระดับ 2 รองรับฟีเจอร์ช่วยเหลือการขับขี่อัจฉริยะ 19 รายการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
ห้องโดยสารมีระบบ Smart Cockpit AI Lion 5.0 ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 8155 อันทรงพลัง ระบบบูสภายในเวลาเพียง 2 วินาที และทำงานบนหน้าจอคู่ขนาดใหญ่ 24.6 นิ้ว มอบการโต้ตอบที่ราบรื่นและใช้งานง่าย
ขุมพลัง Chery Fulwin A8 ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดประสิทธิภาพสูงขนาด 1.5 ลิตร จับคู่กับระบบไฮบริดซึ่งมอบระยะทางที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนที่ 70 กม. ตามมาตรฐาน CLTC และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันรวม 21.9 กม./ลิตร ตามมาตรฐาน WLTC ทำให้มีระยะทางขับขี่รวมเกิน 1,400 กม. / CLTC.
รุ่นนี้ใช้ระบบส่งกำลัง DHT ไฮบริดแบบแปรผันต่อเนื่องซึ่งมีประสิทธิภาพเชิงกลสูงสุดที่ 98.5% มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ ไฟฟ้าล้วน ไฮบริดแบบซีรีส์ ไฮบริดแบบขนาน และขับเคลื่อนเครื่องยนต์โดยตรง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้เหมาะสมกับสภาวะการขับขี่ต่างๆ
Source: CarNewsChina