หลังจากที่ Alpine ยืนยันที่นั่งอีกที่ในทีมให้กับ Pierre Gasly, Daniel Ricciardo ก็ได้ออกมายืนยันต่อในทันทีว่า ตัวเขานั้นจะไม่อยู่บนกริด F1 ในปี 2023
ถึงแม้ว่าจะเหลือตัวเลือก Williams และ Haas ที่ยังไม่ยืนยันที่นั่งนักแข่งอีกทีมละหนึ่งที่ แต่ดูเหมือนว่านักแข่งออสซีจะไม่สนใจที่จะลงไปขับให้กับทีมท้ายตาราง เขาเลือกที่จะใช้เวลาพักการแข่งขัน 1 ปี เพื่อหาโอกาสกลับมาแข่งขันในระดับสูงให้ได้อีกครั้งในปี 2024
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่ว่าปี 2024 Ricciardo จะมีตัวเลือกมากมายนัก เพราะทีมแข่งหลายทีมก็ได้เซ็นสัญญากับนักแข่งไปหมดแล้ว ดังนั้นเราลองมาดูตัวเลือกที่น่าจะเป็นไปได้สำหรับนักแข่งออสซีในปี 2024 กันเล็กน้อย
ที่หัวแถว ทีมแข่งบิ๊กทรีนั้นมีการเซ็นสัญญากับนักแข่งทั้ง 2 คนในทีมเรียบร้อยไปหมดแล้ว โดยสัญญาที่สั้นที่สุดเป็นของ Sergio Perez และ Carlos Sainz ซึ่งมันก็ครอบคลุมไปถึงปี 2024 ในขณะที่นักแข่งตัวหลักของทีมอย่าง Max Verstappen, George Russell , และ Charles Leclerc พวกเขาเหล่านี้ต่างมีสัญญาระยะยาวกับต้นสังกัด แม้กระทั่ง Lewis Hamilton ที่มีสัญญาสิ้นสุดในปี 2023 เขาก็แสดงความจำนงชัดเจนที่จะยังคงลงแข่งขันให้กับ Mercedes ต่อไป และเราก็นึกภาพไม่ออกเลยว่า ทำไม Mercedes ถึงจะต้องเลือกนักแข่งออสซีที่ผลงานดูไม่เป็นชิ้นเป็นอันกับ McLaren แล้วไม่เซ็นสัญญากับนักแข่งจากสหราชอาณาจักรฯ ที่พวกเขาประสบความสำเร็จร่วมกันมาต่อ?
ทางด้าน Alpine ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกของนักแข่งออสซีก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับนักแข่งทั้งสองของพวกเขาไปเรียบร้อย โดย Esteban Ocon มีสัญญากับต้นสังกัดถึงปี 2024 และ Gasly ก็ได้รับการยืนยันจากทีมแข่งฝรั่งเศสว่ามีการเซ็นสัญญาแบบระยะยาวกันไป
เช่นเดียวกันกับ McLaren, Lando Norris มีสัญญาระยะยาวกับทีมถึงปี 2025 ส่วน Oscar Piastri ที่มาแทน Ricciardo ก็ถูกทีมแข่งจากโวกิงเซ็นสัญญาแบบระยะยาวไป อีกทั้ง Ricciardo เองก็คงไม่คิดที่จะกลับไป McLaren ที่ซึ่งเขากล่าวว่า “เขาได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะดันผลงานตัวเองไปแล้ว” อีกแล้ว
นั่นแปลว่า 5 ทีมแข่งที่อยู่ ‘ด้านบน’ นั้น ไม่มีพื้นที่ว่างให้สำหรับ Ricciardo แล้วอีก 5 ทีมแข่งที่อยู่ ‘ด้านล่าง’ ล่ะ?
Zhou Guanyu เซ็นสัญญากับ Alfa Romeo ถึงเพียงแค่ปี 2023 นี่จึงน่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่เป็นไปได้สำหรับ Ricciardo อีกทั้งยังมีข่าวลือว่า Audi เตรียมที่จะเข้ามารันทีมต่อในอนาคต ทำให้ทีมแข่งจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นทีมโรงงานและมีทรัพยากรให้ใช้มากขึ้น และนั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ดีในระยะยาวต่อทั้งทีมและนักแข่งในสังกัดอย่างแน่นอน
ถ้าพูดถึงในแง่ทรัพยากรและเงินลงทุน Aston Martin เองก็เป็นตัวเลือกที่มีคุณสมบัติเหล่านั้นอย่างครบถ้วน เพียงแต่ว่า Lance Stroll ซึ่งเป็นลูกเจ้าของทีมก็คงจะการันตีที่นั่งในทีมระยะยาว ส่วนที่นั่งอีกที่ ทางทีมพึ่งจะเซ็นดึงตัว Fernando Alonso แบบระยะยาวมา ซึ่งนักแข่งสแปนิชดีกรีแชมป์โลกจะลงแข่งขันให้กับทีมตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
ไปที่ AlphaTauri ทีมแข่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับนักแข่งในสังกัด Red Bull ก่อนขึ้นทีมแม่ การกลับไปยังทีมรองแบบนั้นจึงไม่น่าใช่ทางเลือกที่ตอบโจทย์นักสำหรับ Ricciardo
อีก 2 ทีมที่เหลือ Williams และ Haas หากจะคาดหวังให้พวกเขาพลิกฟื้นผลงานขึ้นมา ก็น่าจะต้องอาศัยปาฏิหาริย์เท่านั้น เพราะถึงแม้ว่าจะมีการจำกัดงบประมาณ แต่ 2 ทีมนี้ก็น่าจะเป็นทีมที่หาเงินทุนได้น้อยที่สุดในบรรดาทุกทีมอยู่ดี และหากผลงานของพวกเขาไม่ดีขึ้น Ricciardo ก็คงไม่สนใจที่จะลงแข่งขันให้กับพวกเขาเช่นเดิม
ดังนั้นหากตัดตัวเลือกทั้งหมดที่มีมา Alfa Romeo จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีและเป็นไปได้มากที่สุด ที่ Ricciardo จะกลับมาลงแข่งขันให้ในปี 2024
แต่ถึงจะมีโอกาสความเป็นไปได้มากที่สุด มันก็อาจไม่ได้แปลว่ามีความเป็นไปได้มากเพียงพอ เนื่องจาก Zhou เองก็มีการพัฒนาฝีมือขึ้นมาเป็นลำดับอย่างน่าพึงพอใจ และถ้าหากเขารักษาพัฒนาการในระดับนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่ Alfa Romeo จะไม่ต่อสัญญากับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการที่เขามีสปอนเซอร์มากมายที่มาจากจีน ซึ่งทำให้นักแข่งจีนมีแบ็คอัพแน่นหนาขึ้นไปอีก
นอกจากนั้น Sauber เองก็มีนักแข่งเยาวชนในสังกัดที่พร้อมจะถูกดันขึ้นมาอย่าง Theo Pourchaire ดังนั้นหากการเดิมพันครั้งนี้ของ Ricciardo ไม่เห็นผล เราก็อาจจะไม่ได้เห็นนักแข่งออสซีอยู่บนกริด F1 อีกเลยก็เป็นไปได้เช่นกัน
อ้างอิง : planetf1.com
