DENZA N9 เอสยูวีหรูเรือธงคันจริงพร้อมแล้วที่เปิดขายอย่างเป็นทางการโดยล่าสุดเปิดรับจองสิทธิ์หรือ Pre-Sale ที่เมืองจีนก่อนขายจริง
DENZA N9 เอสยูวีรุ่นเรือธงหวังท้าชนคู่แข่งร่วมชาติและต่างแดนอย่าง Mercedes-Benz GLS และ BMW X7 ผลิตที่โรงงานเมืองจีน
ภายนอกกันชนหน้าใหม่ออกแบบมุมซ้าย-ขวาเป็นรูปตัวซี ฝังไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ตรงขอบบนเน้นความทึบมากขึ้นพร้อมช่องระบายอากาศออกแบบให้ใหญ่ขึ้น คิ้วใต้กันชนหน้าสีเงินติดตรา DENZA ไว้ประกบกับไฟหน้า LED เติมความโหดขึ้นอีกขั้นและเซนเซอร์ LiDAR บนหลังคา
ด้านข้างโดดเด่นกับคิ้วตกแต่งสีเงินเชื่อมระหว่างบังโคลนและประตูคู่หน้า กระจกมองข้างภายนอกมีดีไซน์แบบแบนราบคาดมาแบบกระจกมองข้างดิจิทัล และมีแบบปกติให้เลือก
กระจกเสา C ไม่มีเสากั้นติดกับกระจกเสา D ติดตราโลโก้ DENZA ที่เปิดประตูเรียบเนียนกับตัวถังรถด้านท้ายลงตัวด้วยไฟท้าย LED แนวยาวคั่นกลางด้วยโลโก้ และกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถส่วนล่างสีดำแบบลิ้นสปอยเลอร์และล้ออัลลอยลายหรูขนาด 22 นิ้วพร้อมยาง 275/45R22 กับความยาว 5,300 มิลลิเมตรและ
ด้วยขนาดตัวรถคันนี้มีขนาดใหญ่และอาจมีขนาดใกล้เคียงกับ Li Auto L9 AITO M9 HYPTEC HL และ DEEPAL S09 โดยสร้างจากพื้นฐาน e-Platform 3.0 ยาวกว่า Range Rover 250 มิลลิเมตร ในร่างฟูลไซซ์เอสยูวี เริ่มที่
- ความยาว 5,258 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 2,030 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,830 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,125 มิลลิเมตร
ภายในมาแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง 2+2+2 พร้อมตู้เย็นอเนกประสงค์ จุขวดน้ำได้ 12 ขสด เบาะนั่งคู่หน้ามาแบบ Zero gravity ออกแบบตามสรีระทั้งผู้ขับขี่แลผู้โดยสารปรับไฟฟ้าพร้อมระบบอุ่นเบาะและเบาะเย็น เบาะนั่งตอนที่ 2 แบบ 2 ที่นั่งแยกกันปรับด้วยระบบไฟฟ้า 14 ทิศทาง พร้อมที่พักขาปรับไฟฟ้า พร้อมระบบอุ่นเบาะและเบาะเย็น ระบบนวดและโต๊ะเล็กหลังเบาะคู่หน้า และตอนที่ 3 นั่งได้ 2 คนปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมพื้นที่สัมภาระด้านท้าย 520 ลิตร สามารถรองรับกระเป๋าใส่ไม้กอล์ฟ กระเป๋าเดินทางขนาด 20 นิ้ว 5 ใบ และเป้สะพายหลัง 5 ใบในแนวนอน
เป็นไปได้ว่าออปชันภายในอาจยกมาจากรุ่นอื่นๆของค่ายทั้งแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ติดตั้งระบบจอด้วยกันถึง 3 จอประกอบด้วยชุดมาตรวัดดิจิทัลแบบ LCD 13.2 นิ้ว จอสัมผัสเชื่อมต่อระบบความบันเทิงขนาดใหญ่แบบลอยตัว 17.3 นิ้ว มีจอสำหรับฝั่งผู้โดยสารขนาด 13.2 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้าหรือ HUD ขนาด 50 นิ้ว พร้อมจอแสดงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 4 ก้านปาดล่างแบบ flat-bottomed คอนโซลกลางมีหัวคันเกียร์ไฟฟ้าเป็นคริสตัล ติดตั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนชาร์จจุใจถึง 2 เครื่อง กำลังชาร์จ 50 W เครื่องเสียงคุณภาพรอบคัน รวมในชุดคอนโซลหน้า และพนักพิงศรีษะด้านหน้า ร่วมสร้างความบันเทิงและประสบการณ์ที่น่าจดจำทุกการเดินทาง เสริมด้วยแสงไฟเพื่อสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารกว่า 128 เฉดสีและลำโพง DEVIALET 26 จุด
ด้านขุมพลังมีให้เลือกทั้งไฟฟ้าล้วนและปลั๊กอินไฮบริดเริ่มที่รุ่นไฟฟ้าล้วน e3 มอเตอร์ไฟฟ้าคู่สามตัวให้กำลังรวมถึง 966 แรงม้า แรงบิด 1,150 นิวตันเมตร ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองฝั่งให้กำลังฝั่งละ 326 แรงม้า แรงบิดสองฝั่งๆละ 360 นิวตันเมตร
คาดว่าเป็นการยกขุมพลังมาจากรุ่น Z9 GT พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP Blade ความจุ 100 kWh ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 270 kW 30-80% และชาร์จ AC ได้
ด้านขุมพลัง Plug In Hybrid ด้วยเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร รหัส BYD479ZQA แรงสุด 207 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองฝั่งให้กำลังฝั่งละ 327 แรงม้า แรงบิดสองฝั่งๆละ 360 นิวตันเมตร
ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 46.992 kWh จาก BYD Fin Dreams เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 925 แรงม้า แรงบิดรวม 935 นิวตันเมตร ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 82 kW 30-80% ชาร์จได้ภายใน 19 วินาที และชาร์จ AC ได้
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ทำได้ 3 วินาทีวิ่งไกลในโหมดไฟฟ้าล้วนมากกว่า 200 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 193 กิโลเมตร (NEDC) โดยวิ่งทั้งระบบทำได้ 1,300 กิโลเมตร (CLTC) หรือ 1,254 กิโลเมตร (NEDC)
พร้อมความปลอดภัยด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS EYE Of GOD B ตราสัญลักษณ์สีแดงด้านหลัง (Dipilot 300) ประกอบด้วยฟังก์ชัน : ระบบนำทางในเมืองแบบไม่ต้องใช้แผนที่และที่จอดรถ e³ Laser LiDAR 1 หรือ 2 จุด, ชิปขับเคลื่อนอัจฉริยะ: Orin-X ตัวเดียว, พลังประมวลผลของชิป: 254 TOPS, จำนวนกล้อง 11 จุด หรือ 12 จุด,เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 5 จุด และ เรดาร์อัลตราโซนิก 12 จุด ทั้ง
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
ป้องกันล้อล็อก ABS กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution) เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว EPS ป้องกันล้อหมุนฟรี ควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3 เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างหน้า-หลัง ม่านถุงลมนิรภัย หัวเข่ารอบคัน กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง
DENZA N9 มีสีภายนอก 4 สี เตรียมเปิดรับจองสิทธิ์ หรือ Pre-Sale เริ่ม 450,000–550,000 YUAN หรือราว 2,085,000-2,549,000 บาท โดยจำหน่ายรุ่นปลั๊กอินไฮบริดก่อนในเดือนมีนาคมและรุ่นไฟฟ้าล้วนจะขายทีหลีง
เตรียมโกอินเตอร์ส่งขายไปยังต่างประเทศกลุ่มยุโรป ตะวันออกลาง เอเชีย ทั้งพวงมาลัยขวาและพวงมาลัยซ้าย โดยจะเป็นโกลบอลโมเดลรุ่นที่ 2 ต่อจาก DENZA D9
ที่มา CarNewsChina