หลังจากที่แนะนำรุ่นใหม่ DENZA Z9 GT ไปได้ไม่นานล่าสุด DENZA เตรียมเสริม DENZA N9 เอสยูวีรุ่นเรือธงหวังท้าชนคู่แข่งร่วมชาติและต่างแดนอย่าง Mercedes-Benz GLS และ BMW X7
ภายนอก Exterior
ล่าสุดส่งภาพแรก Official มาฝากแฟนๆรถจีนที่รอคอยแน่นอนว่าภาพนี้ไม่ต่างจากภาพหลุดที่ทดสอบถึงประเทศอังกฤษด้วยขนาดตัวรถคันนี้มีขนาดใหญ่และอาจมีขนาดใกล้เคียงกับ Li Auto L9 และ AITO M9 โดยสร้างจากพื้นฐาน e-Platform 3.0 เริ่มที่ภายนอกกันชนหน้าใหม่ออกแบบมุมซ้าย-ขวาเป็นรูปตัวซี ฝังไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED ตรงขอบบนเน้นความทึบมากขึ้นพร้อมช่องระบายอากาศออกแบบให้ใหญ่ขึ้น คิ้วใต้กันชนหน้าสีเงินติดตรา DENZA ไว้ประกบกับไฟหน้า LED เติมความโหดขึ้นอีกขั้นและเซนเซอร์ LiDAR บนหลังคา
ด้านข้างโดดเด่นกับคิ้วตกแต่งสีเงินเชื่อมระหว่างบังโคลนและประตูคู่หน้า กระจกมองข้างภายนอกมีดีไซน์แบบแบนราบคาดมาแบบกระจกมองข้างดิจิทัล และมีแบบปกติให้เลือก กระจกเสา C ไม่มีเสากั้นติดกับกระจกเสา D ติดตราโลโก้ DENZA ที่เปิดประตูเรียบเนียนกับตัวถังรถด้านท้ายลงตัวด้วยไฟท้าย LED แนวยาวคั่นกลางด้วยโลโก้ และกันชนหลังสีเดียวกับตัวรถส่วนล่างสีดำแบบลิ้นสปอยเลอร์และล้ออัลลอยลายหรูกับความยาว 5,300 มิลลิเมตรและยาวกว่า Range Rover 250 มิลลิเมตร ในร่างฟูลไซซ์เอสยูวี
ภายใน Interior
ภายในแม้ไม่มีข้อมูลแต่แน่นอนว่ามาแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง 2+2+3 พร้อมตู้เย็นอเนกประสงค์ และเป็นไปได้ว่าออปชันภายในอาจยกมาจากรุ่นอื่นๆของค่ายทั้งแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ติดตั้งระบบจอด้วยกันถึง 4 จอประกอบด้วยชุดมาตรวัดดิจิทัลแบบ LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสเชื่อมต่อระบบความบันเทิงขนาดใหญ่แบบลอยตัว 17.3 นิ้ว มีจอสำหรับฝั่งผู้โดยสารขนาด 10.25 นิ้ว และจอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้าหรือ HUD พร้อมจอแสดงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 4 ก้านปาดล่างแบบ flat-bottomed คอนโซลกลางมีหัวคันเกียร์ไฟฟ้าเป็นคริสตัล ติดตั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนชาร์จจุใจถึง 2 เครื่อง กำลังชาร์จ 50 W เครื่องเสียงคุณภาพรอบคัน รวมในชุดคอนโซลหน้า และพนักพิงศรีษะด้านหน้า ร่วมสร้างความบันเทิงและประสบการณ์ที่น่าจดจำทุกการเดินทาง เสริมด้วยแสงไฟเพื่อสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารกว่า 128 เฉดสี
ขุมพลัง Performance
ด้านขุมพลังมีให้เลือกทั้งไฟฟ้าล้วนและปลั๊กอินไฮบริดเริ่มที่รุ่นไฟฟ้าล้วน e3 มอเตอร์ไฟฟ้าคู่สามตัวให้กำลังรวมถึง 965 แรงม้า แรงบิด 1,150 นิวตันเมตร ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 313 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองฝั่งให้กำลังฝั่งละ 326 แรงม้า แรงบิดสองฝั่งๆละ 360 นิวตันเมตร
คาดว่าเป็นการยกขุมพลังมาจากรุ่น Z9 GT พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบ LFP Blade ความจุ 100 kWh ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 270 kW 30-80% และชาร์จ AC ได้
ด้านขุมพลัง Plug In Hybrid ด้วยเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร รหัส BYD479ZQA แรงสุด 207 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร ในภาคเครื่องยนต์คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าหนึ่งตัวให้กำลัง 272 แรงม้า แรงบิด 315 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าหลังสองฝั่งให้กำลังฝั่งละ 299 แรงม้า แรงบิดสองฝั่งๆละ 360 นิวตันเมตร
ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 38.5 kWh จาก BYD Fin Dreams เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวม 870 แรงม้า แรงบิดรวม 935 นิวตันเมตร ชาร์จได้ทั้ง DC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 82 kW 30-80% ชาร์จได้ภายใน 19 วินาที และชาร์จ AC ได้
ความปลอดภัย Safety
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
- ป้องกันล้อล็อก ABS
- กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
- เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ควบคุมการทรงตัว EPS ป้องกันล้อหมุนฟรี
- ควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
- สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
- เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้างหน้า-หลัง ม่านถุงลมนิรภัย หัวเข่ารอบคัน
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
- สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง
การเปิดตัว DENZA N9 ประเดิมที่เมืองจีนช่วงปลายปีนี้คาดว่าราคาจำหน่ายต่ำกว่า 500,000 YUAN หรือราว 2,359,000 บาท
ที่มา CarNewsChina