ขับลุยน้ำท่วม!! ต้องทำอย่างไรให้ปลอดภัย อุ่นใจเครื่องไม่ดับ เริ่มใกล้เข้าสู่หน้าฝนอย่างเต็มตัวแล้ว สำหรับหลาย ๆ พื้นที่ ที่เราต้องสัญจรกันอยู่ทุกวันในช่วงพายุเข้าและใกล้เข้าฤดูฝนนี้ยังคงมีน้ำท่วมขัง น้ำท่วมสูงแทบจะทุกหย่อมหญ้าทั้งเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
หลายคนที่มีรถสูงยกระดับหนีพ้นน้ำไม่ให้เข้าเครื่องได้ ก็อาจจะโอเคปลอดภัย แต่สำหรับหลายคนยังคงเป็นกังวลว่าถ้าหาไม่สามารถเลี่ยงเส้นทางที่มีน้ำท่วมสูงนี้ได้ จะทำอย่างไรให้ปลอดภัย เครื่องไม่ดับระหว่างการเดินทาง วันนี้ Car2day จะมาขอแนะนำวิธีการฝ่าลุยน้ำท่วมกันค่ะ
- ให้สังเกตระดับความสูงของน้ำท่วม
ถ้าหากขับรถไปแล้วเจอฝนตกหนัก เส้นทางที่สัญจรเริ่มมีน้ำท่วมขัง ก่อนที่คุณจะขับรถลุยต่อไปควรประเมินความลึกของระดับน้ำที่ท่วมกันก่อน ระดับที่ปลอดภัยคือ ไม่ควรท่วมสูงเกิน 30 เซนติเมตร โดยดูจากระดับความสูงของน้ำกับฟุตบาทข้างทาง ฟุตบาทตามปกติจะมีความสูงอยู่ที่ 10 – 20 เซนติเมตร ถ้าน้ำท่วมเลยระดับฟุตบาทแนะนำให้เลี่ยงเส้นทางนั้นจะปลอดภัยกว่า หรือดูจากระดับน้ำท่วมที่ล้อรถ ถ้าหากท่วมประมาณครึ่งล้อยังพอลุยต่อได้ แต่ถ้าท่วมถึงระดับขอบประตู ไม่แนะนำให้ลุยเพราะน้ำอาจเข้าห้องโดยสารอาจทำให้ระบบไฟช็อตและเครื่องอาจดับได้
- เลือกเลนที่จะไปหากเจอน้ำท่วมสูง
หากสังเกตระดับน้ำท่วมได้แล้ว ให้มองหาเลนที่มีน้ำท่วมต่ำที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงเลนที่น้ำท่วมสูง โดยเบี่ยงรถเข้าหาเลนที่มีน้ำระดับต่ำ จะช่วยลดความเสี่ยงน้ำเข้าเครื่องยนต์ได้มากกว่า
- ชะลอความเร็วก่อนถึงจุดน้ำท่วม
ให้ชะลอความเร็ว เพราะถ้าหากขับด้วยความเร็วสูง รถอาจเสียการทรงตัวได้ เวลาขับควรใช้ความเร็วต่ำที่สุดและสม่ำเสมอ เลี้ยงรอบให้นิ่งที่สุดประมาณ 1,500 – 2,000 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา ควรใช้ประมาณเกียร์ 2 ส่วนเกียร์ออโต้ควรใช้เกียร์ L
- ให้ปิดแอร์รถยนต์ทันทีหาต้องขับลุยน้ำ
การปิดแอร์รถจะช่วยลดระดับน้ำที่กระจายเข้าห้องเครื่องได้มากเลยทีเดียว เพราะหากเราเปิดแอร์ขับลุยน้ำท่วม ตัวพัดลมแอร์จะพัดน้ำเข้าไปในเครื่องทำให้เครื่องยนต์มีโอกาสพังได้ และควรระมัดระวังขยะที่ลอยมากับน้ำจะเข้าไปติดมอเตอร์พัดลม อาจทำให้ระบบระบายความร้อนในเครื่องยนต์พังเหมือนกันอีกด้วย
- ชะลอความเร็วลงอีก เมื่อต้องขับรถสวนทางกัน
แรงปะทะจากรถที่สวนมาจะทำให้เกิดคลื่นชนกัน และก็จะทำให้น้ำสูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้น้ำอาจจะซัดเข้ามาในเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าเสียหายได้
- รักษาระยะห่างเพื่อเบรกจากคันหน้าให้มากกว่าเดิม 2-3 เท่า
เมื่อขับรถลุยน้ำประสิทธิภาพในการเบรกจะลดลง ทำให้รถยนต์ของคุณอาจจะเบรกไม่ค่อยอยู่ เพื่อความปลอดภัยควรรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้มากกว่าเดิม 2-3 เท่าจะดีที่สุด
- ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที เมื่อถึงจุดหมาย
หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตการฝ่าลุยน้ำท่วมแล้ว จนถึงที่หมาย ให้จอดรถทิ้งไว้สักพัก เพื่อให้น้ำที่อาจตกค้างอยู่ในหม้อพักท่อไอเสียระเหยออกมาให้หมด
- ควรย้ำเบรก หรือ คลัตช์ เพื่อไล่น้ำ
รถเกียร์ออโต้ ควรย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ส่วนรถเกียร์ธรรมดา ให้เลี้ยงย้ำคลัตช์ เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น
ในกรณีที่เครื่องยนต์ดับ อย่ารีบสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่เด็ดขาด
ให้ขอความช่วยเหลือ หรือ หารถลาก หรือ พยายามเข็นรถให้พ้นจากระดับน้ำที่สูงไปก่อน โดยระดับน้ำควรสูงไม่เกินครึ่งล้อรถยนต์จึงจะดี เพราะถ้าหากสตาร์ทรถใหม่ตรงบริเวณน้ำท่วมสูง จะยิ่งทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า ทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม
และนี่ก็เป็นเพียงเทคนิคง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนนำไปปรับใช้ในช่วงฤดูฝนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในบางพื้นที่จริง ๆ เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถขับรถลุยน้ำท่วมได้อุ่นใจมากขึ้น ถ้าหากคุณโชคดีรถไม่ดับแล้ว แต่ก็อย่างลืมสังเกตุอาการความผิดปกติของเครื่องยนต์ หรือระบบเบรก หรือระบบไฟฟ้า ต่าง ๆ ว่ายังสามารถใช้งานได้ปกติ ไม่มีเสียง หรือกระตุกอะไรผิดปกติหรือไม่ หากพบเหตุการณ์ดังกล่าว ให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็คสภาพที่ศูนย์บริการใกล้บ้านทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
บทความอื่น ๆ