ถึงแม้ว่า Ferrari จะยังคงค่อย ๆ พัฒนาและไม่ถมการพัฒนาอย่างดุเดือดอย่าง Red Bull แต่พวกเขาก็มีความคืบหน้าให้เห็นและกำลังชิงความได้เปรียบกลับคืนมาจาก Red Bull
ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา จากข้อมูล GPS นั้นแสดงให้เห็นว่า Red Bull RB18 และ Ferrari F1-75 ได้ทำเวลาในสนามด้วยวิถีทางที่แตกต่างกัน Ferrari นั้นจะเร็วกว่าในช่วงโค้งความเร็วต่ำถึงปานกลาง ในขณะที่ Red Bull มาทอนเวลาคืนได้จากความเร็วบนทางตรงอันน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Ferrari ยอมรับว่าหากมีการเปิดใช้ DRS ความแตกต่างของความเร็วนั้นก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นจนไม่อาจละเลยจุดนี้ไปได้
“เรามีความเสียเปรียบเมื่อเทียบกับ Red Bull อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ในแง่ของความเร็วทางตรง โดยเฉพาะในโซน DRS เมื่อมันถูกเปิดใช้งาน” Mattia Binotto ทีมบอส Ferrari กล่าวยอมรับ “มันเป็นบางสิ่งที่เราไม่อาจจะละเลยได้ ซึ่งเรากำลังแก้ไขและจัดการกับสิ่งนั้นอยู่”
การแก้ไขปัญหานั้นดูเหมือนจะจบลงด้วยการมาถึงของปีกหลังใหม่ที่ Canadian Grand Prix ซึ่ง Ferrari ได้ใช้ปีกหลังใหม่นี้บนรถของ Charles Leclerc
Leclerc นั้นจะต้องสตาร์ทจากท้ายแถวอยู่แล้ว จากการเปลี่ยนเครื่องยนต์ยกเซต ทำให้มันเป็นสถานการณ์ที่เหมาะที่จะใช้ในการทดสอบปีกหลังใหม่ และมันชัดเจนทีเดียวกับตัวเลขที่แสดงออกมา ซึ่งนักแข่งโมเนแกสทำท็อปสปีดบนเส้นตรวจจับความเร็วได้อยู่ที่ 342.7 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่ Carlos Sainz เพื่อนร่วมทีมทำท็อปสปีดได้เพียง 331.3 กิโลเมตร/ชั่วโมง นอกจากนั้น ที่เส้นชัย ความเร็วของพวกเขาก็แตกต่างกัน Leclerc ทำความเร็วได้เร็วที่สุดบนตารางด้วยความเร็ว 300.6 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วน Sainz นั้นทำได้เพียง 294 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ตัวปีกนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง ที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือความยาวของเมนเพลต ปีกของ Leclerc มีความโค้งแอ่นน้อยกว่าปีกของ Sainz สิ่งนี้มีส่วนทำให้เกิดแรงกดและการลดแรงต้านที่สังเกตได้ แต่ก็ยังมีการแก้ไขปีกบีมที่ต้องพิจารณาร่วมด้วย ซึ่งปลายปีกนั้นถูกทริมให้บางลง
การเปลี่ยนแปลงในส่วนนอกของปีกก็มีส่วนช่วยให้ Ferrari ทำความเร็วได้เพิ่มขึ้นเมื่อเปิด DRS ซึ่งมันมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับการควอลิฟาย โดยนักออกแบบนั้นพยายามที่จะเพิ่มขนาดของช่องปีกในขณะเปิด DRS ที่ถูกจำกัดไว้ที่ 85 มิลลิเมตร ซึ่งส่วนนอกของปีกที่เดิมทีนั้นมีช่องที่เปิดได้ไม่สุด ได้ถูกเปลี่ยนแปลงทำให้มีขนาดช่องที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้มันลดแรงต้านลงไปนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า Ferrari นั้นกำลังพยายามปรับสมดุลในปัจจัยการออกแบบ ซึ่งก่อนหน้านี้ Ferrari มักจะชื่นชอบการลดแรงต้านในขณะที่ตัวรถไม่ได้เปิด DRS
การปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นนั้นยังทำให้นักแข่งต้องเลือกระหว่างความเหมาะสมของเซตอัพกับประสิทธิภาพยางตลอดการแข่งขันอีกด้วย
ทางด้าน Red Bull พวกเขาได้ใช้ความละเอียดถี่ถ้วนไปกับการปรับแต่งส่วนต่าง ๆ บนรถ RB18 ซึ่งทางทีมคาดว่าน่าจะยังคงหาประสิทธิภาพออกมาได้อีก อย่างเช่น ที่ Azerbaijan Grand Prix, Red Bull ได้ทำการถอดบีมวิงชั้นบน 2 ชิ้น ออกไป ยังผลให้ตัวรถนั้นลดแรงต้านอากาศได้มากขึ้น
อ้างอิง : motorsport.com