ยุคสมัยแห่งการใช้รถพลังงานไฟฟ้านั้นกำลังคืบคลานเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในทุกวัน มันส่งผลกระทบที่สร้างความเปลี่ยนแปลงไปทุกหย่อมหญ้า ไม่เว้นแม้แต่ค่ายรถซุปเปอร์คาร์อย่าง Lamborghini และ Ferrari ล่าสุด มีรายงานใหม่ออกมาที่ทำให้เราเข้าใจถึงทัศนคติต่อการใช้พลังงานไฟฟ้าของผู้บริหารของ Ferrari และสิ่งที่เราน่าจะคาดหวังได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
Ferrari ไม่ได้ปิดบังความจริงจังในการมุ่งสู่พลังงานไฟฟ้าแต่อย่างใด LaFerrari นั้นมีชื่อเสียงในการใช้เครื่องยนต์ไฮบริดที่ช่วยลดมลภาวะมาตั้งแต่ปี 2013 และทุกวันนี้ Ferrari มี 4 โมเดลที่แตกต่างกัน รวมถึง 296 GTB ใหม่ และ SF90 Stradale ที่เร็วสุดขีด ล้วนแล้วแต่เป็นรถปลั๊กอินไฮบริดทั้งสิ้น
เรายังรู้อีกว่า ทางค่ายมีแผนที่จะเปิดตัวรถพลังไฟฟ้าล้วนคันแรกของค่ายภายในปี 2025 ซึ่งกำหนดการนั้นกำลังขยับใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็ว และดูเหมือนว่า Ferrari จะค่อย ๆ เร่งผลิตรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าร่วมเป็นจำนวนมากในปีเดียวกันนั้น
ในปีที่แล้ว ค่ายผู้ผลิตรถจากอิตาลีได้ผลิตรถทั้งหมด 11,155 คัน หรือ 46 คัน/วัน และอ้างอิงจากสื่อ AutoNews พวกเขาวางแผนที่จะผลิตให้ได้ 15,000 คัน หรือ 65 คัน/ปี ในปี 2025 ต้องขอบคุณสายการผลิตใหม่ที่เน้น EV โดยเฉพาะ ทำให้นั่นคิดเป็นจำนวนการผลิตที่เพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ และจะมีส่วนช่วยในแผนการเพิ่มกำไร 38-40 เปอร์เซ็นต์ของทางค่ายภายในปี 2026
แน่นอนว่าข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดสำหรับซุปเปอร์คาร์ที่ใช้ไฟฟ้าร่วมคือน้ำหนัก แบตเตอรี่นั้นมีน้ำหนักมากซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพรถโดยตรง ทำให้มีรายงานออกมาว่า Ferrari กำลังค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับแบตเตอรี่โซลิดสเตทที่ช่วยเพิ่มกำลังและประสิทธิภาพ ตลอดจนเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน เพื่อที่ทางค่ายจะยังคงรักษาตำแหน่งซุปเปอร์คาร์ประสิทธิภาพสูงเอาไว้
นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่า การที่ Ferrari ก้าวย่างอย่างช้า ๆ ในการปรับใช้แผนงานที่เฉพาะเจาะจงนั้นเป็นอะไรที่สมเหตุสมผลสำหรับทางค่าย เพราะแตกต่างจาก Lamborghini, Ferrari ไม่ได้มีการสนับสนุนอย่างมากมายจากพันธมิตรองค์กรอย่าง VW Group ในการสำรองและแบ่งปันต้นทุนในการพัฒนา
อย่างไรก็ตาม Ferrari อาจจะเอาชนะคู่แข่งจากประเทศเดียวกันได้ หากพวกเขาสามารถผลิตรถพลังไฟฟ้าล้วนได้ภายในปี 2025 จริง เพราะในตอนนั้น Lamborghini พึ่งจะขึ้นไลน์ผลิตรถที่ใช้ไฟฟ้าร่วม แต่ยังไม่มีการระบุว่าจะผลิตรถพลังไฟฟ้าล้วนในปีใด แต่รถพลังไฟฟ้าล้วนคันนั้นจะต้องมาอยู่บนถนนก่อนสิ้นทศวรรษนี้อย่างแน่นอน
อ้างอิง : carscoops.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
