Ford จัดโปรโมชันเด็ดต้อนรับหน้าฝนด้วย Ford Everest Titanium+ พีพีวีหรูรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ พลังเทอร์โบคู่ Bi-Turbo
Ford Everest Titanium+ 4X2 รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่พร้อมลุย หรูหรา และสนุกในทุกการเดินทางรูปโฉมภายนอกได้รับการพัฒนาให้มีความแข็งแกร่ง ดุดัน พร้อมลุยทุกเส้นทาง สร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยและบึกบึนมากขึ้น
หรูหราด้วยไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูปตัว C ไฟตัดหมอกหน้า LED วัสดุป้องกันช่วงล่าง ตะขอคู่หน้า
ด้านข้างตกแต่งสีเงินสุดหรูด้วยราวหลังคารถแบบ Built-In เสาอากาศแบบเสาสั้น พร้อมหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ Panoramic Moonroof สองบานใหญ่ ชุดแต่งโครเมียมสีเงินหรูตั้งแต่ กรอบกระจก กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED พร้อมไฟส่องสว่างใต้กระจกมองข้าง ที่เปิดประตูดึงก้าน ช่องระบายอากาศตรงบังโคลนสองข้างเข้มด้วยสีดำขอบโครเมียม บันไดข้างสีดำขอบโครเมียม
ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ตัว U คว่ำแบบ Signature พร้อมไฟส่องสว่างแบ่งเป็นโซน ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าร้อมชุดเซ็นเซอร์เปิดฝาท้ายแบบสามารถใช้เท้าเตะได้ Kick Activated และระบบป้องกันการหนีบในชุดกันชนหลังแบบสีเดียวกับตัวรถพร้อมคิ้วสีดำใต้กันชนหลัง
พร้อมล้ออัลลอยใหญ่สุด 20 นิ้ว พร้อมยาง 255/55 R20 มิติตัวรถดังนี้ความยาว 4,914 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,923 มิลลิเมตร ความสูง 1,842 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 227 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 2,010 กิโลกรัม และความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
ภายในห้องโดยสารแตกต่างโดยสิ้นเชิงพร้อมอุปกรณ์และการตกแต่งภายในห้องโดยสาร โดยนำแรงบันดาลใจมาจากบ้านสมัยใหม่ การใช้วัสดุตกแต่งที่ให้ความรู้สึกหรูหรา และติดตั้งไฟสร้างบรรยากาศในทุกส่วนที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดพร้อมสอดรับกับฟังก์ชันอื่นๆหลายส่วน ตั้งแต่แผงหน้าปัดด้านหน้าที่วางเต็มความกว้างของพื้นที่ คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า ระบบการชาร์จแบบไร้สาย
เกียร์อัตโนมัติหุ้มด้วยหนังสวยงามจับถนัดมือใพร้อมเบรกมือไฟฟ้า นอกจากความประณีตและความสะดวกสบายยิ่งขึ้นแล้วยังให้ความสำคัญกับการยกระดับอุปกรณ์เชื่อมต่อการสื่อสารและเทคโนโลยีอันทันสมัย ด้วยแผงมาตรวัดดิจิทัล 12.4 นิ้ว หน้าจอแบบสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 12 นิ้ว
มาพร้อมระบบเชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC® 4A พร้อมรองรับการสั่งงานด้วยเสียงเพื่อการสื่อสาร ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิง และเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และแอปพลิเคชัน FordPass™ ช่วยให้ลูกค้านัดเข้ารับบริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้
พร้อมลำโพง 8 จุด หน้าจอทัชสกรีนแนวตั้งยังเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศาในโดยมีหน้าจอแยกส่วนเพื่อให้จอดรถได้สะดวกยิ่งขึ้นในพื้นที่แคบ หรือช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการเดินทางบนสภาพเส้นทางที่มีความสมบุกสมบัน ช่องต่อไฟ 12V Power Sockets และ 230 V หลังกล่องคอนโซลกลาง เสียบปลั๊กต่อชาร์จมือถือ โน้ตบุ๊คได้ มีสวิตช์ควบคุมการทำงานของแอร์หลังได้
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเบาะนั่งแถว 2 เบาะนั่งแถวที่ 3 เข้า-ออกได้ง่ายขึ้น ด้วยการออกแบบให้เบาะนั่งแถวที่ 2 ขยับมาด้านหน้ามากกว่าเดิม
นอกจากนี้ ผู้โดยสารทุกคนยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระ ชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนเองได้ด้วยการติดตั้งปลั๊กไฟทั้ง 3 แถว เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนได้ และพับได้แบบแบ่ง 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 ซึ่งทำให้รถจุผู้โดยสารได้ 7 คน แบ่งที่นั่งในอัตราส่วน 50:50 พับได้แบบไฟฟ้า ที่สำคัญเบาะแถวที่ 2 และ 3 ยังพับได้แบบแบนราบเพื่อการบรรทุกสัมภาระยาวๆ ได้อย่างปลอดภัย
ขุมพลังที่คุ้นเคยกับดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร ดีเซลเทอร์โบคู่ Bi-Turbo รหัส YNWS 2.0 ลิตร 210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2000 รอบต่อนาที
ต้องเติมน้ำยาบำบัดไอเสียดีเซล (DEF) หรือสาร AdBlue® เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 5 ตามข้อบังคับของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. โดยพิจารณาจากประเภทของรถยนต์และน้ำหนัก และทำให้รถยังคงมีพละกำลังและสมรรถนะในการขับขี่ขั้นสูง ในขณะที่ปล่อยไอเสียออกสู่สิ่งแวดล้อมในปริมาณที่น้อยลง
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด 10R80 ขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อด้วย พร้อมโหมดการขับขี่ ให้เลือกถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดปกติ normal, โหมดประหยัด, eco, โหมดถนนลื่น slippery, โหมดลากจูงและบรรทุก tow/haul ลุยน้ำได้สูงสุดถึง 800 มิลลิเมตร มีความสามารถในการลากจูงถึง 3,500 กิโลกรัม