ถึงแม้ที่อเมริกาเปิดตัว Ford Mustang เจเนอเรชันที่ 6 อย่างเป็นทางการโดยมีวี่แววว่าเมืองไทยอาจได้สัมผัสเจนใหม่อย่างแน่นอน
แต่ก่อนที่จะเจเนอเรชันที่ 6 ทาง Ford ขอสั่งลามัสเซิลคาร์เจเนอเรชันที่ 5 อีกครั้งกับการปรับปรุงใหม่ Ford Mustang MY2023 ด้วยการเพิ่มสีใหม่ถึงสองสีทั้งสีส้ม ไซเบอร์ ออเรนจ์ และอีกหนึ่งสีใหม่ สีน้ำเงิน แอทลาส บลู รวมถึงล้ออัลลอยห้าก้านลายใหม่ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 255/40 ZR19 จาก Pirelli P Zero Tires ในรุ่น 2.3 EcoBoost และ ยางหน้า 255/40 ZR19 และยางหลัง 275/40 ZR19 Michelin Pilot Sport 4S Tires ในรุ่น 5.0 V8 นอกนั้นคงเดิมตั้งแต่ กันชนหลังเสริมดิฟฟิวเซอร์หรือลิ้นสปอยเลอร์เพิ่มการยึดเกาะถนนให้ดียิ่งขึ้น ท่อไอเสีย 4 ท่อพร้อมรองรับความแรงของ 5.0 v8 สปอยเลอร์หลัง เป็นมาตรฐานในรุ่น GT V8 ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED ไฟเลี้ยวและไฟท้าย 3 แถวอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมเทคโนโลยี LED ในขณะที่ไฟหน้าออกแบบเพื่อสอดรับกับทรงสี่เหลี่ยมคางหมูของกระจังหน้าชิ้นบนอย่างลงตัวประกบกับไฟน้า Projector แบบ LED ชุดแต่ง Performance Pack
ภายในเดิมทุกประการหรูหราด้วยวัสดุหนังสัมผัสนุ่มสบาย มาตรัวดดิจิทัล LCD ขนาด 12 นิ้ว แสดงข้อมูลที่เหมาะกับโหมดการขับขี่พร้อมระบบ Track Apps พร้อมฟีเจอร์โชว์สถานะ Electronic Line Lock และมาตรวัดแรง G ผู้ขับขี่ยังจะเห็นแอนิเมชั่นแบบวิดีโอเกมเป็นครั้งแรกในชุดมาตรวัดดิจิทัลเชื่อมต่อการสื่อสารและความบันเทิงภายใน SYNC3 ควบคุมสมาร์ทโฟน ระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen คุณภาพเสียงระดับพรีเมียมด้วยลำโพง 12 จุด พร้อมระบบนำทาง เครื่องปรับอากาศสั่งงานด้วยเสียงและการสัมผัสบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว รองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto™
เร้าใจทุกความเร็วด้วยสุดยอดสมรรถนะเบนซินวี 5.0 ลิตร V8 Ti-VCT รหัส F 449 แรงม้า ที่ 7,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 529 นิวตันเมตร ที่ 4,600 รอบ/นาที เพื่อมอบพละกำลังเร้าใจในการขับขี่ และรอบเครื่อง red line สูง ด้วยระบบหัวฉีดสองระบบ (Dual-Fuel) ผสานระบบ High-Pressure Direct Injection และฉีดเชื้อเพลิงที่ท่อแบบแรงดันต่ำ (Low-Pressure Port Fuel Injection) และยังมีเบนซินเทอร์โบขนาดเล็ก 2.3 ลิตร รหัส D EcoBoost GTDi มอบขุมพลังสูงสุด 290 แรงม้าที่ 5,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตร ที่ 3,000 รอบต่อนาที ทั้งสองขนาดความมันจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อม Paddle Shift พร้อมฟังก์ชัน Electronic Line Lock ช่วยให้ผู้ขับขี่เบิร์นยางคู่หลังอย่างเร้าอารมณ์ในแบบรถซิ่ง พร้อมสำหรับแข่งทางตรง (drag strip) ติดตั้งเป็นออปชันมาตรฐานทั้ง 5.0 V8 และ 2.3 EcoBoost
มาพร้อมโหมดการขับขี่ 6 รูปแบบทั้ง โหมด Normal, Sport, Track, Snow/Wet, Drag Strip และ My Mode ให้ผู้ขับขี่เลือกตั้งค่าสมรรถนะการขับขี่ช่วยให้การควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ตอบสนองคันเร่ง รูปแบบการเปลี่ยนเกียร์อย่างแม่นยำ พร้อมเฟืองท้ายแบบ Limited-Slip มอบความสนุกในการขับขี่ มีปรับระดับความดังของชุดท่อไอเสีย Active Valve Performance Exhaust System เหมาะกับการขับขี่โหมดต่างทั้ง 6 โหมด และยังตั้งค่าเสียงท่อไอเสียได้ตามต้องการ พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ถึง 3 โหมด ได้แก่ Comfort Normal และ Sport และยังเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านที่ไม่ต้องออกมาโวยวายเรื่องเสียงเครื่องที่คำรามกับ Quiet Mode สามารถตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบได้ในแต่ละช่วงเวลา แต่จะสงวนเฉพาะรุ่น 5.0 V8 พร้อมความปลอดภัยมาครบอาทิ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) ตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) เพื่อลดความรุนแรง และในบางกรณี สามารถลดอัตราการชนยานพาหนะหรือคนเดินถนนจากด้านหน้ารถได้ รวมถึงช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) และเปิด-ปิด ไฟสูงอัจฉริยะ (Auto Hight Beam Control)
Ford Mustang MY2023 นอกจากสองสีใหม่ทั้ง สีส้ม ไซเบอร์ ออเรนจ์ (Cyber Orange) และ สีน้ำเงิน แอทลาส บลู (Atlas Blue) ยังมีสีเดิมอีกสองสีทั้งสีแดง เรซ เรด (Race Red) และสีเทา สีเทา คาร์บอนไนซ์ เกรย์ (Carbonized Grey) พร้อมให้ลูกค้าจองแล้ว ณ ผู้จำหน่าย Ford อย่างเป็นทางการ 7 แห่ง ในราคาดังนี้
- 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ราคา 4,999,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 100,000 บาท)
- 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ราคา 3,799,000 บาท (เพิ่มจากเดิม 100,000 บาท)