More

    Ford Ranger PHEV กระบะปลั๊กอินวิ่งไฟฟ้า 45 กม.จ่อขายออสซี่ปีหน้า

    หลังจากเปิดตัวที่เยอรมนีเป็นที่แรกของโลกสำหรับ Ford Ranger PHEV กระบะแกร่งพลังปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของค่ายที่พร้อมจะทำตลาดต่างประเทศ

    Ford Ford Ranger PHEV ด้วยหน้าตาไม่ต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลติดตั้งชุดมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์มอบความแรงเร้าใจและความประหยัดในคันเดียว

    ภายนอก Exterior

    Fordโดยมีให้เลือกในรุ่น XLT Sport WILDTRAK และรุ่นพิเศษ STORMTRAK จุดที่เหมือนกันคือช่องเสียบปลั๊ก AC Type 2 บริเวณใกล้กับช่องเติมน้ำมันด้านซ้าย พร้อมบันไดข้างและบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย โดยมีออปชันที่แตกต่างกัน

    เริ่มที่รุ่น STORMTRAK เด่นด้วย ไฟหน้า Matrix LED ปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติแถมป้องกันไฟแยงตาและเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กับไฟวิ่งกลางวัน DRL LED ในโคมเดียวกัน

    ราวหลังคาดีไซน์ขนาดใหญ่และสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) ให้ผู้ขับขี่ปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ด้วยเลื่อนจุดล็อกได้ 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียวรองรับการติดตั้งหรือขนย้ายอุปกรณ์เพื่อการผจญภัยและการทำงานได้หลากหลายรูปแบบอย่างง่ายดาย

    สติ๊กเกอร์ตกแต่งรอบคันที่เป็นเอกลักษณ์บ่งบอกตัวตนของคนที่มีใจรักในความสมบุกสมบัน ฝาท้ายแบบผ่อนแรง ไฟหน้า Matrix LED ปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติแถมป้องกันไฟแยงตาและเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ กับไฟวิ่งกลางวัน DRL LED ในโคมเดียวกัน

    ช่องระบายอากาศข้างบังโคลนหน้าซ้าย-ขวาออกแบบลวดลายพิเศษ และสีพิเศษ สีเทา Chill Grey และสีดำ Agate Black ล้ออัลลอยลายเข้มหกก้านคู่ขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 255/65R18

    Fordทางด้านรุ่น WILDTRAK ติดตั้งไฟหน้า Matrix LED กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมแบบสีดำเงา แผ่นกันกระแทกใต้ห้องเครื่อง ราวหลังคาดีไซน์ขนาดใหญ่สปอร์ตบาร์ แลล้ออัลลอยลายเข้มหกก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว

    Fordส่วนรุ่น Sport และ XLT เน้นการใช้งานเป็นหลักโดยไร้ราวหลังคาและสปอร์ตบาร์ ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องเวลากลางวัน LED Daytime รูปตัว C ในโคมเดียวกันในชุดกันชนหน้าทรงเข้มติดตั้งไฟตัดหมอกหน้า LED ไฟท้ายสีขาวแดง LED พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ในรุ่น Sport

    ไฟท้ายสีขาวแดงธรรมดาในรุ่น XLT พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วในรุ่น Sport และ 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/70 R17 ในรุ่น XLT

    ภายใน Interior

    Fordแน่นอนว่าอาจคล้ายกับเวอร์ชันเครื่องยนต์ดีเซลแตกต่างกันในแต่ละรุ่นเริ่มที่รุ่น STORMTRAK มาพร้อมลำโพงจากค่าย B&O ถึง 10 จุด พร้อมด้วยโทนสีดำ/เทา ตั้งแต่ชุดแผงคอนโซลหน้าหุ้มหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านคู่หุ้มหนัง และชุดเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ดำขลิบเทาปักชื่อเฉพาะ

    ส่วนรุ่น WILDTRAK ตั้งแต่ชุดแผงคอนโซลหน้าหุ้มหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านคู่หุ้มหนัง และชุดเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ดำขลิบส้ม ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมเบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าสามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง แท่นชาร์จไร้สายกุญแจรีโมทอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ทรถอัตโนมัติ

    ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา และปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB และ ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร Ambient Light

    ระบบความบันเทิงครบครันด้วยหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 10.1 กับ 12 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™ สามารถเชื่อมต่อบลูทูธ พร้อมระบบ FordPass ช่องต่อ USB 4 จุด

    มาตรวัดดิจิทัลแบบสีขนาด 8 กับ 12.4 นิ้ว พร้อมลำโพง 6 ทิศทาง และช่องต่อไฟ 12V พร้อมช่องต่อไฟ 230V (400W) เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Hold และปุ่ม Push Start และเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter หุ้มหนัง

    ทางด้านรุ่น Sport กับ XLT ระบบความบันเทิงครบครันด้วยหน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 10.1 นิ้ว กับมาตรวัดดิจิทัลแบบสีขนาด 8 พร้อมลำโพง 6 ทิศทาง เบาะนั่งคนขับปรับสูงต่ำได้ 6 ทิศทางและด้านผู้โดยสาร 4 ทิศทาง และช่องต่อไฟ 12V พร้อมช่องต่อไฟ 230V (400W) เบรกมือคันโยก

    สมรรถนะ Performance

    Fordไฮไลท์เด็ดอยู่ที่ขุมพลังแรงด้วยเบนซินเทอร์โบ EcoBoost 2.3 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 302 แรงม้าที่ 5,900 รอบต่อนาที แรงบิด 452 นิวตันเมตรที่ 3,350 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด 10R80 ขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4WD พร้อมโหมดการขับขี่ Terrain Management System ทั้ง Normal, Eco, Sport, Slippery, Tow/Haul, Mud/Ruts และ Sand

    จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 102 แรงม้าและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 11.8 kWh โดยชุดมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ในชุดร่วมกับชุดเกียร์และแบตเตอรี่ติดตั้งอยู่บริเวณใต้ท้องรถมีการออกแบบให้เข้ากับชุดแชสซีเป็นพิเศษเพื่อป้องกันความเสียหายกับชุดแบตเตอรี่เมื่อมีการใช้งานในสภาพเส้นทางทุรกันดาร

    เมื่อเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ทำงานร่วมกันจะได้กำลังรวมสูงสุด 279 แรงม้า แรงบิด 690 นิวตันเมตร รวมระยะเวลาการชาร์จเพียงให้ข้อมูลว่าโหมดไฟฟ้าสามารถวิ่งไกลสุด 45 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP แน่นอนว่าแรงบิดขนาด 690 นิวตันเมตร ทำให้เป็นรุ่นย่อยของ Ranger ที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันโดยเหนือกว่ารุ่น Raptor V6 เบนซิน 583 นิวตันเมตร และดีเซล V6 600 นิวตันเมตรนั่นเอง

    ถึงจะมีชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาก็ไม่ทำให้ความสามารถในการบรรทุกอ่อนด้อยลงทั้งลากจูงสูงสุด 3,500 กิโลกรัม น้ำหนักบรรทุกประมาณ 1,000 กิโลกรัม ความลึกลุยน้ำ 800 มิลลิเมตร​ รวมถึงโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้ง Auto EV, EV Now, EV Later และ EV Charge พร้อมระบบช่วยลากจูง Pro Trailer Backup Assist ในรุ่น STORTRAK

    Fordทำงานนอกสถานที่อย่างไหลลื่นด้วย Pro Power Onboard หรือ Vehicle-to-load (V2L) จ่ายไฟให้เครื่องมือและเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังไฟสูงในที่ทำงานหรือจุดตั้งแคมป์ระยะไกลได้ เสียบปลั๊กเข้ากับเต้ารับไฟฟ้าที่ฝังอยู่ในรถจ่ายไฟได้ 2.3 kW เป็นออปชันมาตรฐาน หรือจะเลือกออปชันเสริมกับ 6.9 kW ที่มีเต้ารับ 15 แอมป์ 2 จุด

    Ford

    Ford Ranger PHEV กระบะแกร่งพลัง Plug In Hybrid เริ่มประกอบตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ปี 2024 โดยประกอบที่แอฟริกาใต้ เมืองซิลเวอร์ตัน ส่งขายออสเตรเลียและยุโรปช่วงต้นปี 2025 ส่วนไทยรอกันต่อไป

    ที่มา Carsales

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts