GWM ได้ฤกษ์ดีวันที่ 24 กรกฎาคม เปิดตัวและราคาอย่างเป็นทางการที่แรกของโลกที่เมืองไทยสำหรับ GWM TANK 500 Diesel พลังใหม่ 2.4 ลิตร
GWM TANK 500 Diesel พีพีวีรุ่นใหญ่พร้อมรูปทรงทรงพลังบึกบึน แกร่ง เรียบง่ายและหรูหราเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมรุ่นพิเศษ Black Warrior ชุดแต่งดำทั้งคันตั้งแต่หัวจรดท้าย
หน้าตาไม่ต่างจากรุ่นไฮบริด
- กระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรงไฟหน้า
- Intelligent LED ดีไซน์โดดเด่นด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติและฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง (Follow me home) พร้อม Daytime Running Light
- ไฟตัดหมอกหน้า LED
- ด้านข้างตกแต่งหรูด้วยกรอบโครเมียมที่กระจก
- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับด้วยระบบไฟฟ้า
- ที่เปิดประตูแบบดึงก้าน
- บันไดข้างเป็นแบบขึ้นรูปแบบตายตัวจากเดิมจะเป็นบันไดข้างไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู
- หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด–ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
- ราวหลังคา
- เสาอากาศแบบ shark fin
- ประตูท้ายเปิดบานเดียวใหญ่แบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง พร้อมกล้องมองหลัง
- ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์แนวตั้ง
- ไฟเบรกดวงที่ 3 ไฟตัดหมอกหลังแบบ LED พร้อมสปอยเลอร์ท้าย
- ยางอะไหล่ย้ายตำแหน่งไปที่ใต้ท้องรถ
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/60 R18 แบบ Westlake ในรุ่น Pro
- ล้ออัลลอยขนาดขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Continental ขนาด 265/50 R20 ในรุ่น Ultra และ Ultra 4WD
มิติตัวรถกว้างขวาง ถูกออกแบบมาอย่างลงตัวตั้งแต่หน้ารถจรดท้ายรถพัฒนาบนโครงสร้างแชสซีแบบตัวถังวางบนเฟรม (Body-on-Frame) ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับรถยนต์ในตระกูล GWM TANK มอบความแข็งแกร่งเหนือระดับ มิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,886 มิลลิเมตร (ลดลง 192 มิลลิเมตร)
- ความกว้าง 1,934 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,905 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 224 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,585-2,635 กิโลกรัม
- ความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร (เพิ่มจากเดิม 3 ลิตร)
ภายในหรูหราใส่ใจในทุกรายละเอียด
- หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้วในรุ่น Pro และขนาด 14.6 นิ้ว ในรุ่น Ultra รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay Android Auto MP5 Bluetooth ระบบนำทาง
- หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล TFT (TFT Digital Driving Display) ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า
- ลำโพงจาก Infinity มาเป็นแบรนด์ Amor จำนวน 12 ลำโพง ระบบแอมพลิฟายเออร์อิสระ และระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถในรุ่น Ultra และ Ultra 4WD กับ 8 จุดในรุ่น Pro
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับได้แบบ 4 ทิศทางปรับด้วยระบบธรรมดาจากเดิมเป็นปรับไฟฟ้า ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัย
- ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light พร้อมฟังก์ชันแบบหลายสีและเป็นจังหวะช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้คุณเพลิดเพลิน
- นาฬิกาแบบคลาสสิก
- เปิด-ปิดล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้และออกห่างจากรถ
- ระบบกุญแจ Smart Key และระบบ Push Start
- ปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา-หลัง รวม 3 โซน พร้อมระบบกรองอากาศ N95
- ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย 50W พร้อมพอร์ต Type-A/C ด้านหน้า และ Type-A ด้านหลัง
- ระบบเบาะระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและแถวสอง
- การตกแต่งด้วยวัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome โทนสีภายในสีดำ
เบาะนั่งทั้ง 7 ที่นั่งหุ้มหนัง NAPPA ปรับไฟฟ้าคู่หน้าพร้อมระบบเบาะนวดและดันหลังปรับด้วยไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าของผู้ขับขี่ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ Welcome Seat เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับตำแหน่งเบาะผู้โดยสารด้านหน้าจากด้านคนขับ
เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 ปรับการใส่วัสดุโฟม เพื่อเพิ่มความนุ่มสบายในการนั่งให้มากยิ่งขึ้น พร้อมหน้าจอควบคุมระบบระบายอากาศและเบาะระบายอากาศอีกระดับของความสบายด้วยที่พักแขนตอนกลาง ม่านบังแดด และช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 3 พร้อมพนักพิงปรับด้วยมือไม่พับไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกด้วยตำแหน่งปรับพนักพิงบริเวณข้างประตูผู้โดยสารแถวที่ 2 และประตูท้าย
พื้นที่ห้องโดยสารมีที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้ตามต้องการ เบาะนั่งโดยสารแถวที่ 2 สามารถแยกพับเบาะได้แบบ 60:40 และเบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเรียบแบบ 50:50 รองรับปริมาณสัมภาระสูงสุด 795 ลิตร ช่วยเพิ่มพื้นที่และความสะดวกในการจัดเก็บสัมภาระ
ขุมพลังใหม่
ด้วยดีเซลเทอร์โบแปรผันขนาด 2.4 ลิตร ในรหัส GW4D24 (E24D) ให้กำลังถึง 184 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 480 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที มาพร้อมกับเทคโนโลยีเทอร์โบแปรผัน (VGT) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด Electronic Shifter มีช่วงอัตราทดเกียร์ที่กว้างถึง 8.843 ทำให้รถสามารถเปลี่ยนเป็นเกียร์ 9 ได้ที่ความเร็วเพียง 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time 8 โหมดการขับขี่ได้แก่ โหมด 2H, โหมด 4H, โหมด 4L, โหมดพื้นหิมะ, โหมดพื้นโคลน, โหมดพื้นทราย, โหมดพื้นหิน และโหมดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับทุกสภาพเส้นทางทั้งบนถนนและออฟโรดอย่างมั่นใจ (เดิม 11 โหมด AWD) ครั้งแรกของโลกกับการเพิ่มรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ มาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมดทั้ง โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด
พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าแปรผันตามความเร็วช่วยผ่อนแรงได้ 3 ระดับ (เบา/สบาย/สปอร์ต) ระบบสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ (Double-Wishbone) ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์ มอบความแม่นยำในการควบคุมทิศทางช่วยสร้างสมดุลระหว่างสมรรถนะการควบคุมและความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างลงตัว
สามารถลุยน้ำที่ระดับความลึก 800 มิลลิเมตร เพรียบพร้อมไปด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดอันชาญฉลาดและล้ำสมัย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยและความมั่นใจในทุกการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็น
- ล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Differential Lock)
- ช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Off-road (Offroad Cruise Control)
- ตรวจจับความลึกของน้ำ (Wading Depth Detection)
- แสดงภาพใต้ท้องรถ (Body Transparent)
ยิ่งไปกว่านั้นมาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยด้วยการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ (Level L2+ Automated Driving) มีมากมาย ให้ทุกการเดินทางปลอดภัยไร้กังวล ได้แก่
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Full-speed Range ACC) รองรับความเร็ว 0-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- เตือนการชนด้านหน้า (FCW) Forward Collision Warning
- ช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA) Lane Keeping Assist
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) Traffic Jam Assist
- ควบคุมอัจฉริยะบนทางด่วน (HWA) Highway Assist
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) Lane Departure Warning
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) Emergency Lane Keeping
- ช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ (MEB) Mild Off-Road Braking
- ช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) Rear Cross-Traffic Alert (เฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD)
- ช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) Rear Cross-Traffic Braking (เฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD)
- ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน (LCA) Lane Change Assist (เฉพาะรุ่น Ultra และ Ultra 4WD)
- ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP)
- ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA)
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 540 องศา แสดงภาพรอบคันแบบเรียลไทม์ เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่และจอดรถ
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
- ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
- ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
- ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)
GWM TANK 500 Diesel ความหวังรุ่นที่ 2 ของค่ายที่จะมาสานต่อความสำเร็จมีสีภายนอก 3 สี สีขาว Hamilton White สีดำ Sun Black และสีเทา Crystal Gray โดยเปิดราคาจำหน่าย 24 กรกฎาคม คาดราคาเริ่มต้น 1,429,000-1,729,000 บาทมาพร้อม 5 รุ่นย่อย
- รุ่น 2.4T PRO
- รุ่น 2.4T ULTRA
- รุ่น 2.4T ULTRA 4WD
- รุ่น 2.4T ULTRA Black Warrior
- รุ่น 2.4T ULTRA 4WD Black Warrior