More

    คุณคิดว่า F1 ในปัจจุบัน “ใหญ่” เกินกว่าที่โมนาโคจะรองรับหรือไม่?

    เป็นหัวข้อที่ถูกถกเถียงกันมาสักระยะหนึ่งแล้วสำหรับการแข่งขันที่โมนาโค สตรีทเซอร์กิตที่เก่าแก่ที่สุดบนปฏิทินการแข่งขัน Formula 1 กับรถแข่งที่ใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น นอกจากนั้นโมนาโคยังได้ซุกซ่อนปัญหาอื่น ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่สามารถรองรับความ “ใหญ่” ในอีกหลาย ๆ ประเด็นได้

    F1 นั้นได้จัดการแข่งขันที่โมนาโคมาตั้งแต่ปี 1929 ซึ่งระหว่างช่วงนั้นถึงปัจจุบัน โมนาโคก็มีการเข้า ๆ ออก ๆ ปฏิทินอยู่บ่อยครั้ง โดยการหายไปของโมนาโคครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2020 จากสาเหตุการระบาดของโควิด ก่อนที่จะกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งในปีที่แล้ว

    ทุกวันนี้ F1 ได้ขยายการแข่งขันกระจายไปทั่วโลก และนั่นทำให้สนามแข่งเก่า ๆ ที่มีชื่อเสียงเริ่มถูกถอดออกไปทีละสนาม โมนาโคเองนั้นก็ไม่เว้น ทางสนามตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะถูกถอดออกไปมาช้านาน ด้วยตัวแทร็คที่แคบจนรถแข่งสมัยใหม่แทบจะไม่สามารถหาทางแซงกันได้ อาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่เริ่มไม่เพียงพอต่อจำนวนทีมงานในแต่ละทีมแข่ง สปอนเซอร์ รวมถึงแขกเหรื่อ ที่เพิ่มขึ้นในทุกปี และค่าลิขสิทธิ์การจัดการแข่งขันซึ่งโมนาโคนั้นจ่ายให้กับ F1 น้อยที่สุดในบรรดาผู้จัดทั้งหมด ในขณะที่ทางผู้จัดสนามอื่น ๆ นั้นต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี

    f1 red bull

    “ผมคิดว่าถ้าโมนาโคเป็นสนามแข่งใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ปฏิทิน และพวกเขาบอกว่า ‘มาแข่งขันที่นี่สิ คุณจะได้จ่ายค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดในบรรดาสนามแข่งทั้งหมด แต่คุณอาจจะแซงยากหน่อยนะ’ ผมคิดว่ามันคงจะไม่ถูกอนุมัติให้อยู่บนปฏิทิน” Christian Horner ทีมบอส Red Bull กล่าว

    “ดังนั้นเราจึงมาจัดการแข่งขันที่โมนาโคเพียงเพราะมรดกและประวัติศาสตร์ของมันเท่านั้นแหละ ผมคิดว่าคุณต้องมีพัฒนาการนะ ถ้าคุณนิ่งเฉย คุณก็จะถอยหลังไป และผมคิดว่านั่นใช้ได้กับทุกด้านของวงการนี้”

    คำถามทั้งหมดนั้น ทุกอย่างนำไปสู่คำถามสุดท้ายเพียงคำถามเดียว “F1 ควรจะถอดโมนาโคออกจากปฏิทินหลังหมดสัญญาในปีนี้หรือไม่ ?” ในหลายปีที่ผ่านมา โมนาโคนั้นอาศัยแต่เพียงความเป็นมรดกและประวัติศาสตร์ของการแข่งขันในการต่อรองเท่านั้น ซึ่งมันรวมถึงสิทธิในการขายสปอนซอร์ข้างสนาม นั่นทำให้เราเห็นแบรนด์หลาย ๆ แบรนด์ที่เราไม่ค่อยเห็นจากสนามแข่งอื่น รวมถึง Tag Heuer แบรนด์นาฬิกาที่ถือว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Rolex สปอนเซอร์หลักที่สนับสนุนรายการ

    “เรารู้ว่าเราต้องสร้างสมดุลระหว่างการมาของสนามแข่งใหม่กับประวัติศาสตร์ในสนามแข่งเก่า” Stefano Domenicali, CEO ของ F1 กล่าว “การมาถึงของบรรดาผู้จัดใหม่ ๆ ได้สร้างผลประโยชน์ให้กับแพล็ตฟอร์ม F1 และนั่นเป็นการบังคับให้ผู้จัดเก่า ๆ ต้องเร่งเครื่องสร้างคุณค่าในรายการของตนเอง ทั้งในแง่ของสิ่งที่พวกเขานำเสนอต่อสาธารณะ, โครงสร้างพื้นฐาน, และ การบริหารจัดการกับอีเวนท์ การเป็นเพียงแค่มรดกนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป”

    f1 โมนาโค

    ปัญหาหลักในการเปลี่ยนแปลงกายภาพของสนามคือ โมนาโคนั้นเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนเชิงผาเหนือทะเลเมดิเตอเรเนียน นั่นหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงผังสนามนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีความพยายามในการมองหาพื้นที่เพิ่มเติมอย่างการขยายผังสนามไปทางด้านซ้ายก่อนเข้าสู่อุโมงค์ เพื่อเพิ่มระยะทางบนทางตรงก่อนเข้าสู่อุโมงค์ขึ้น

    “บางครั้งผมก็คิดนะว่าบางทีมันอาจจะช่วยในเรื่องของการแซง ไม่รู้สิ” Charles Leclerc กล่าว “บางทีคุณอาจจะไปทางซ้ายอีกหน่อยก่อนที่จะเข้าสู่อุโมงค์เพื่อทำทางตรงให้ยาวขึ้น แต่มันจะเป็นไปได้ขนาดไหนผมก็ไม่แน่ใจนัก”

    “แน่นอนว่าการแซงนั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่ผมคิดว่าเราในฐานะนักแข่งนั้นรักที่จะได้เจอกับความท้าทาย โดยเฉพาะในการควอลิฟาย อัดให้เต็มเหนี่ยว และไม่มีแทร็คไหนใน Formula 1 ที่จะทำให้อะดรีนาลีนของเราพลุ่งพล่านได้เท่ากับสนามแห่งนี้”

    “มันเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การแข่งขัน Formula 1 และมันสมควรที่จะอยู่ใน Formula 1 ต่อไป” Leclerc กล่าวทิ้งท้าย

    การแซงที่ยากนั้นอาจไม่ใช่เพียงเหตุผลเดียวที่กำลังคุกคามโมนาโค แรงกระตุ้นทางการเงินก็ดูจะเป็นอีกเรื่อง ในอดีตโมนาโคนั้นสามารถที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมน้อย ๆ โดยพวกเขาขายความน่าเย้ายวนในการจัดปาร์ตี้บนเรือยอร์ชซึ่งอยู่ห่างจากสนามแข่งเพียงไม่กี่เมตร นอกจากนั้นตัวอีเวนท์เองยังได้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการพูดคุยและปิดข้อตกลงการสนับสนุนต่าง ๆ

    แล้วโมนาโคยังคงเป็นที่ต้องการอยู่อีกหรือไม่ ? เพราะทุกวันนี้หลายสนามแข่งเองก็สามารถที่จะจัดอีเวนท์ การจัดปาร์ตี้ หรือความบันเทิง ในแบบที่โมนาโคให้ได้

    f1 monaco
    ที่มาภาพ : yachtcharterfleet.com

    “โมนาโคนั้นยืนหนึ่งในความมีเสน่ห์ใน Formula 1 แต่ผมคิดว่า Miami, Singapore, และ Las Vegas ก็เริ่มที่จะสร้างเสน่ห์ในตัวเองขึ้นมา” Zak Brown, CEO ของ McLaren กล่าว “ผมคิดว่าโมนาโคนั้นจำเป็นต้องใช้ข้อตกลงทางการค้าแบบเดียวกับรายการอื่น ๆ และอาจจะต้องปรับวิธีการทำงานหลาย ๆ อย่าง เพื่อที่พวกเขาจะได้ปรับปรุงแทร็คให้รองรับกับรถที่ใหญ่ขึ้น เพราะการแข่งขันนั้นยากขึ้นทุกที”

    “คุณจำเป็นต้องพิจารณาคุณค่าทางประวัติศาสตร์ แต่ผมก็คิดว่าคุณจำเป็นต้องพิจารณาถึงการแสดงด้วยเช่นกั้น นอกจากนั้นยังมีบางส่วนที่… ไม่ควรจะเป็นตัวขับเคลื่อนการตัดสินใจ แต่ควรเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจ ซึ่งก็คือการสนับสนุนทางเศรษฐกิจที่มันให้กับวงการ”

    “ส่วนตัวผมก็อยากให้มีโมนาโคมากกว่าไม่มีนะ มันก็เหมือนกับวงการที่ใหญ่กว่านักแข่งคนใดคนหนึ่งหรือทีม ผมคิดว่าโมนาโคนั้นใหญ่กว่ารายการใด ๆ”

    ในแง่ของนักแข่ง มีหลายคนทีเดียวที่อาศัยอยู่ในโมนาโค และการที่เสียโมนาโคไปก็น่าจะเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงสำหรับพวกเขา

    “ผมไม่คิดว่าคุณจะสามารถแทนที่โมนาโคได้” Max Verstappen แชมป์โลกคนปัจจุบันกล่าว “โมนาโคนั้นเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ และแน่นอนว่ามันใช้เวลากว่าจะสร้างมาได้ขนาดนั้น”

    “มันเป็นหนึ่งในมงกุฎเพชรของวงการของเรา ดังนั้นผมไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าจะเป็นการดีนักหากเราเสียมันไป” แชมป์โลก 7 สมัย Lewis Hamilton กล่าว

    “ผมคิดว่าส่วนที่ทำให้ยากคือ การแข่งขันนั้นไม่น่าประทับใจเท่าใดนัก แต่ทุก ๆ คนที่ได้ไปนั้นสนุกสนาน มันเป็นทำเลทองเลยทีเดียว”

    celeb
    ที่มาภาพ : yachtcharterfleet.com

    ทางด้าน Michel Boeri ประธานสโมสรรถยนต์แห่งโมนาโคนั้นมั่นใจว่า โมนาโคจะยังคงได้รับการต้อนรับบนปฏิทินต่อไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องรับความกดดันจากการยอมรับข้อตกลงที่แพงขึ้น

    “ค่าธรรมเนียมที่ถูกกำหนดโดย Liberty นั้นมากเกินไปสำหรับโมนาโค และการแข่งขันจะไม่ถูกจัดขึ้นอีกต่อไป นั่นเป็นเรื่องที่ไม่จริง เรายังคงอยู่ระหว่างการเจรจากับพวกเขา และเราต้องผนึกข้อตกลงด้วยการทำสัญญา”

    “ผมการันตีให้คุณได้ว่า การแข่งขันจะยังคงถูกจัดต่อไปหลังจากปี 2022 ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นสัญญา 3 ปี หรือ 5 ปี แต่นั่นเป็นการลงรายละเอียด”

    ณ ตอนนี้ดูเหมือนว่า F1 จะยังคงไม่ตีจากจากโมนาโคไปไหน แต่ตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือการสลับกันจัดอีเวนท์กับรายการอื่น ในตอนนี้ในข้อตกลงนั้น F1 จะจัดการแข่งขันได้มากที่สุด 24 เรซ/ฤดูกาล นั่นหมายความว่าหากมีรายการใดไม่เต็มใจที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมจัดการแข่งขัน รายการนั้นกำลังกั๊กที่อันทรงคุณค่าบนปฏิทินอยู่

    ไม่ว่าข้อตกลงจะออกมาในรูปแบบใด มันก็คงเป็นเรื่องน่าเสียดายมากหากต้องสูญเสียรายการอันเป็นไอคอนแห่ง F1 ไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่ Horner กล่าวนั้นก็มีเหตุผล หากโมนาโคถูกเสนอขึ้นปฏิทินในยุคปัจจุบัน มันก็คงไม่ถูกเลือกเนื่องจากการขาดซึ่งสีสันของการแข่งขัน

    f1 monaco

    ถึงแม้ว่าการแข่งขันในโมนาโคนั้นจะไม่ค่อยสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมมากนัก อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้ขาดไปซึ่งดราม่าเลยเสียทีเดียว ในปี 2019 Verstappen ไล่ล่า Hamilton จากกลยุทธ์ยางที่แตกต่างกัน ในปี 2018 Daniel Ricciardo ชนะการแข่งขันไปอย่างฉิวเฉียดถึงแม้จะสูญเสียกำลังเครื่องยนต์ไปจากการที่ระบบไฟฟ้าทำงานขัดข้อง

    อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้โมนาโคนั้นน่าติดตามอยู่ที่การควอลิฟาย ด้วยตัวรถที่กว้าง 2 เมตร กับความเร็ว 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง มันเป็นดั่งที่ Leclerc กล่าวไว้ ไม่มีที่ใดในโลกที่ทำให้อะดรีนาลีนของคุณหลั่งไหลได้ดีเท่ากับที่นี่อีกแล้ว

    อ้างอิง : espn.co.uk


    บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts