หลังจากที่ GWM เล่นมุกโชว์ดักคอเรียกน้ำย่อยกับ HAVAL H6 PHEV เอสยูวีเสียบปลั๊กรุ่นแรกที่ตั้งใจท้าชนกับคู่แข่งอย่างเต็มรูปแบบ
และวันนี้ GWM พร้อมแล้วกับการเผยสเปก HAVAL H6 PHEV อย่างเป็นทางการถึงแม้จีนจะตัดหน้าเปิดตัวไปด้วยพื้นฐานเดียวกับรุ่น H6 HEV แต่ปรับบุคลิกให้ดูดีกว่าเดิมตั้งแต่ ใหม่!กระจังหน้าทรง Star Matrix แบบเดียวกับรุ่น H6 Supreme สเปกจีน ขนาดใหญ่สีดำดุดันและแข็งแกร่งแต่ดันไปคล้ายกับ Peugeot 3008 รับกับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางขนาดใหม่ 235/55R19 และใหม่! ด้านท้ายติดตั้งประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ช่วยให้การเปิดประตูด้านท้ายรถในขณะถือสัมภาระง่ายยิ่งขึ้นบนพื้นฐานออปชันเดิมตั้งแต่ ไฟหน้า Intelligent LED Headlamp ดีไซน์ล้ำสมัยให้ความปลอดภัยในทุกเส้นทาง ด้วยระบบอัจฉริยะ อาทิ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และไฟส่องนำทางหลังดับเครื่องยนต์ (Follow me home) ไฟท้าย LED Taillight Strip เป็นแนวยาวพาดจากซ้ายจรดขวามาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED ล้ำสมัยมองเห็นได้ชัดเจน เพื่อความปลอดภัย เติมเต็มความหรูหราด้วยหลังคาพาโนรามิกซันรูฟสุดหรู ขนาด 1.2 เมตร
ตัวรถสร้างบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON แพลตฟอร์มโมดูลาร์อัจฉริยเช่นเดิมและมีมิติตัวรถต่างจาก HAVAL H6 HEV อยู่นิดเดียวตั้งแต่ความยาว 4,683 มม. ความกว้าง 1,886 มม. ความสูง 1,730 มม. ระยะฐานล้อ 2,738 มม.
ภายในยกมาจาก HAVAL H6 HEV ทั้งหมด ตกแต่งด้วยสีทูโทนดำ-เทา ภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” ที่มีชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter ดีไซน์หรู พร้อมสีพิเศษแบบ High-gloss ช่วยเติมสีสันและความหรูหราให้กับห้องโดยสาร รวมไปถึงการเชื่อมต่อหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบ Touch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด 12.3 นิ้ว เต็มอิ่มกับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, MP3, JOOX และ Navigator บอกตำแหน่ง Point of Interest ทั้งร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน และ ห้างสรรพสินค้า ลำโพง 8 จุดรอบคันพร้อม Treble Woofer และ DTS
พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา ระบบกรองอากาศ PM 2.5 Wireless Charger กุญแจ Smart Key ระบบ Push Start และประตูท้ายที่สามารถเปิด – ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า และระบบ Kick Sensor อีกทั้งยังมีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระอเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย แผงมาตรวัดดิจิตอลลอยตัว HD Multi Information Display 10.25 นิ้ว จอแสดงผลแบบ Head Up Display (HUD) แสดงภาพข้อมูลการขับขี่ครบครัน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านพร้อม Paddle Shift กุญแจ Smart Key และระบบ Push Start เปิดประตูพร้อมสตาร์ทเครื่องได้สะดวกและง่ายกว่าเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางในส่วนคนขับ และไฟฟ้า 4 ทิศทางในส่วนคนนั่ง เบาะหลังพร้อมที่เท้าแขนกลาง อีกระดับของความสบายด้วยช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ช่องเสียบ USB ตัวเบาะหลังยังพับได้ 40/60 และสร้างบรรยากาศอบอุ่นภายในห้องโดยสารด้วยไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร Ambient Light
ฟังก์ชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Functions)ทั้ง การอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) และ GWM Application: ระบบที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและเชื่อมต่อฟังก์ชั่นของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ
ขุมพลังสำหรับสเปกไทยมาพร้อมเบนซิน 1.5 Turbo GW4B15D GDIT EVO 150 แรงม้าที่ 5,500-6,000 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที พัฒนาเพิ่มพลังมากขึ้นชาร์จได้มากขึ้นและวิ่งไกลสุดมากขึ้นด้วย ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าและเพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT ความจุแบตตอรี่มากถึง 34 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุดถึง 530 นิวตันเมตร มีระยะทางวิ่งสูงสุด 201 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ อ้างอิงตามมาตรฐาน New European Driving Cycle (NEDC Standard) รองรับการขับขี่ที่หลากหลาย ช่วยประหยัดน้ำมัน พร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมดทั้งโหมด Hybrid 4 โหมด = ECO, Normal, Sport, Snow และโหมด EV = ECO, Normal, Sport, Snow
สามารถใช้หัวชาร์จไฟฟ้าแบบ CCS Type 2 combo (Combined Charging System) รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) ชาร์จเร็ว 0% – 80 % กำลังไฟสูงสุด 48 kW ประมาณ 35 นาที และการชาร์จแบบไฟบ้าน (AC) ชาร์จช้า 0% – 100% ประมาณ 6 ชั่วโมง กำลังไฟสูงสุด 6.6 kW
ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัย Driver Assistance and Safety Systems มาครบทั้ง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS, ควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA), ช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) เพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง, ช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA), กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา, เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI), ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB), ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS), ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA), ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW), ช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน, ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK), ช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD) ช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM)
พร้อมความปลอดภัยพื้นฐานทั้ง ช่วยลงทางลาดชัน (HDC), ช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA), ช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW), ตรวจความดันลมยาง (TPMS), ช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) และถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบคัน เบื่องต้น HAVAL H6 PHEV มีด้วยกันถึง 5 สีทั้ง สีขาว ดำ เทา น้ำเงิน แดง โดยจะประกาศราคาอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคมนี้