More

    ISUZU MU-X RS 2.2 ขับตะลุยเที่ยวเวียดนามฮานอย-ฮาลองเบย์ 387 กม.

    นับเป็นรถพีพีวีขายดีสำหรับ ISUZU MU-X และยิ่งเปิดตัว ISUZU MU-X RS เมื่อ 12 มิถุนายน ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ใหญ่ครั้งแรกในรอบ 4 ปีของการทำตลาด

    ISUZU

    จนสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่พึ่งมาสัมผัส ISUZU MU-X แม้ตลาดรถซบเซาจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและไฟแนนซ์เข้มงวด

    โดยตลอดปี 2024 ทีผ่านมาทำยอดขายสูงถึง 13,014 คัน ส่วนแบ่งตลาด 35.3% ลดลงจากปี 2023 ถึง 37.6% จากยอดขายรถพีพีวีรวม 36,844 คัน ลดลง 38.9% ทางด้านเดือนธันวาคมปี 2024 ทำยอดขายได้ 1,893 คัน ส่วนแบ่งตลาด 42.1% ลดลง 43.4% จากยอดขายรวม 4,495 คัน ลดลง 0.3%  เป็นอันดับ 1 ของกลุ่มรถพีพีวี

    และหลังจากที่ Car2Day ได้เคยนำ ISUZU MU-X รุ่น RS มาทดสอบเดี่ยวและร่วมกิจกรรมกรุ๊ปเทสมาหลายครั้ง ครั้งนี้กลับมาขับอีกครั้งด้วยขุมพลังใหม่ 2.2 Ddi MAX MAX FORCE ด้วยเส้นทางต่างประเทศที่เวียดนาม

    เรามาทำความรู้จักกับ ISUZU MU-X RS 2.2 ภายนอกไม่ต่างจากรุ่น RS 3.0 ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าออกแบบเส้นสายหนาลงตัวพร้อมกระจังหน้าเขี้ยวสองชั้น BLACK DIAMOND GRILLE พร้อมสะท้อนความพีคด้วยสัญลักษณ์ RS ด้วยวัสดุ Black Chrome

    โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้า Bi-LED แบบ Dynamic Blade มีไฟ Daytime แบบ LED ในตัวโคมไฟหน้า เร้าใจด้วยชุดกันชนหน้าแบบ Fighter Jet ดุดันพร้อม Air Curtain เพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED

    สอดรับกับเส้นสายด้านข้างอันเป็นเอกลักษณ์ด้วย หลังคาดำ Black Roof สปอร์ตด้วยเสาอากาศครีบฉลาม ราวหลังคาบิ๊วอินสีดำดีไซน์กลมกลืนกับหลังคา ช่องระบายอากาศด้านข้าง Side Garnish พร้อมสัญลักษณ์ RS โดดเด่นเท่สะดุดตาด้วยสี LIME GREEN

    กระจกมองข้างไฟเลี้ยว LED ปรับ-พับด้วยไฟฟ้าแบบสีดำเงา ที่เปิดประตูดึงก้านสีเดียวกับตัวรถ คิ้วชายล่างตกแต่งสปอร์ตพร้อมบันไดข้างเติมอารมณ์ สบายยิ่งกว่าด้วยฝาท้าย Smart Tailgate เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าทำงานร่วมกับระบบ Step Sensor และหยุดเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้วยระบบ Jam Protection พร้อมชุดกันชนหลังทรงเดิมออกแบบลิ้นสปอยเลอร์หลัง

    ไฟท้าย LED แบบ Dynamic Blade พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้น Embrace Line พร้อมการตกแต่งเฉพาะรุ่น สปอร์ตด้วยล้ออัลลอย RS Design ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง 265/50 R20 เพิ่มความสปอร์ตด้วยคิ้วขอบล้อดีไซน์กลมกลืนกับบังโคลนหน้าและหลัง Fender Garnish สีดำ

    ISUZU MAXFORCE

    ภายในรุ่น RS ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 3.0 Ddi MAX FORCE หรือ 2.2 Ddi MAX FORCE คันที่นำมารีวิว ออปชันเหมือนกันไม่มีการตัดออกไป ยกระดับบรรยากาศภายในห้องโดยสารให้พีคกว่าเดิมด้วยโทนสีดำ พร้อมตกแต่งด้วย Matte Silver Garnish

    เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตใหม่ นั่งสบายโอบรับสรีระ พร้อมโดดเด่น ด้วยการเดินด้ายสี LIME GREEN และสัญลักษณ์ RS บนหัวเบาะ กันความร้อนด้วย Cool MAX เร้าใจด้วยบรรยากาศภายในด้วยไฟสร้างบรรยากาศสีแดง Red Ambient Light และ Dome Light หรูมีระดับ และคอนโซลสีดำดีไซน์ใหม่เหนือระดับทุกรายละเอียด ตกแต่งด้วย Matte Silver

    เบาะนั่งปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทาง สำหรับคนขับและปรับไฟฟ้า 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง พร้อมเบาะนั่งตอนที่ 2 ปรับเอนได้ถึง 22 องศา พับได้ 60/40 แบบพับม้วนเดียวจบและเบาะนั่งตอน 3 สบายพับได้แบบ 50/50

    ISUZU

    มาตรวัดเรืองแสง Integrated MID 7 นิ้ว เชื่อมต่อข้อมูลกับจอสัมผัส Infotainment Display ขนาด 9 นิ้วรองรับการใช้งานทั้งระบบเชื่อมต่อไร้สายทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay แสดงผลหลายฟังก์ชันทั้งแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง ทิศทางการเลี้ยวของล้อ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ที่หน้าจอ Integrated MID และ Infotainment Display ลุยได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น พร้อมลำโพง 8 จุด​ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน​ 3 ก้านปรับได้​ 4 ทิศทาง หุ้มหนัง

    เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brake Hold เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องแอร์หลัง Charging Station รองรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าหลากหลาย ทั้ง USB Fast Charger Type C และช่องต่อ DC 12V

    ISUZU

    ฟังก์ชันเอาใจคนรักความสะดวกสบายด้วยกุญแจรีโมท ISUZU Genius Entry สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วย Remote Engine Start และใช้เปิด-ปิดประตูท้ายไฟฟ้า กระจกบังลมหน้าแบบ IR Cut ช่วยกรองรังสีอินฟราเรด ป้องกันรังสี UVA และ UVB ช่วยลดอุณหภูมิในห้องโดยสาร

    ไฟส่องสว่างในห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าใกล้รถในระยะ 2 เมตร Welcome Light ล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อเดินออกห่างจากตัวรถเกินระยะ 3 เมตร Walk Away Auto Lock เปิดไฟส่องสว่างได้นาน 30 วินาที หลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ระบบกรองอากาศเข้าห้องโดยสาร สามารถดักฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึงระดับ PM2.5

    ISUZU

    ขุมพลังนอกจากจะมี 3.0 Ddi MAX FORCE 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตรยังมีขุมพลังใหม่ 2.2 Ddi MAX FORCE 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า ในรหัส RZ4F-TC ให้พลังแรงเพิ่มขึ้นสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที

    ความจุกระบอกสูบ 2,164 (CC) ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชักมาเพิ่มในส่วนความกว้างจากเดิม 3 มิลลิเมตรและช่วงชักเพิ่มจากเดิม 5.6 มิลลิเมตร เป็น 83×100 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด (ต่อ 1)เท่าเดิมคือ 15.9 พัฒนาให้แรงบิดช่วงออกตัวสูงขึ้นประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าให้ค่า CO2 ต่ำเพียง 171 กรัมต่อกิโลเมตรสำหรับสเปกเครื่องมีการปรับใหม่ทั้งหมดตามหลัก 5C หรือชิ้นส่วนใหม่ 5 จุดไม่ว่าจะเป็น

    • Cylinder Head ฝาสูบ
    • Cylinder Block เสื้อสูบแบบ EXTREME STRENGTH ให้ความแกร่งเป็นพิเศษ
    • Connecting Rod ก้านสูบ
    • Crank Shaft เพลาข้อเหวี่ยง
    • Cylinder Piston ลูกสูบมาแบบใหม่ ULTRA-LOW FRICTION ที่ให้แรงเสียดทานต่ำพิเศษ

    ISUZU

    หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแรงดันสูง 250 MPa.ใหม่! ECM แบบ MULTI-CORE ประสิทธิภาพสูงใหม่! E-VGS TURBO เทอร์โบแปรผันควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์จากค่าย IHI กับรหัส V33Z ใหม่! ห้องเผาไหม้แบบ  HIGH SWIRL เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สมบูรณ์แบบระบบหล่อลื่นเครื่องยนต์ใหม่! HI-FLOW และชุดขับเคลื่อนเพลาลูกเบี้ยวด้วยเฟืองและโซ่เหล็กกล้า TIMING GEAR & CHAIN เอกลักษณ์อีกอันที่อยู่คู่กับ ISUZU มานาน

    ISUZU

    พร้อมเทคโนโลยีตัวกรองเขม่าไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล DPD (Diesel Particulate Diffuser) ลดเขม่าและฝุ่นขนาดเล็กจากการเผาไหม้จากเดิมจะมี แคทาลิติก คอนเวอร์เตอร์ สามารถรักษาสมรรถนะรถ ประสิทธิภาพการใช้งานอันยอดเยี่ยม และยังสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น โดยไม่เติมน้ำยาบำบัดไอเสียในเครื่องยนต์ดีเซล เช่น AdBlue ระบบส่งกำลังทั้งเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ REV TRONIC ให้อัตราทดเกียร์ต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็ว ในรหัส L-B500 จาก AISIN

    ISUZUภารกิจพีคๆกว่าครั้งในประเทศจังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ด้วยระยะทางรวม 387 กิโลเมตรขับในประเทศเวียดนามจากฮานอยไปยังฮาลองเบย์ไปถึงชายแดนเวียดนาม-จีน “โหย่วยี” (Youyi) ด้วยน้ำหนักตัวรถ 2,035 กิโลกรัม

    ภาพรวมกำลังเครื่องให้ความกระฉับกระเฉงกว่าสมัยรุ่น 1.9 แต่มีอาการออกหน่วงรอรอบบ้างช่วงกดเร่งแซงใหม่ๆหลังจากนั้นความกระฉับกระเฉงจะตามมา ช่วงความเร็วต้น กลาง ปลายๆเริ่มที่ 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกำลังมาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเส้นตรงๆทางสองเลนสวนเรียกว่าให้ความมั่นใจในทุกการขับขี่ รอบการทำงานของเครื่องในช่วงความเร็ว 100-120 กิโลเมตร ผลงานออกมาดังนี้ที่ 1,500 รอบต่อนาที 1,700 รอบต่อนาทีและ 1,950 รอบต่อนาที ตามลำดับ เรียกว่าใกล้เคียงกับรุ่น RS 3.0

    เกียร์อัตโนมัติลูกใหม่ 8 สปีด (คนละลูกกับ Mitsubishi Pajero Sport รุ่นปี 2015-2024) พร้อมก้านเหนี่ยวไกหลังพวงมาลัยหรือ Paddle Shift โดยด้วยอัตราทดเกียร์ เกียร์ 1= 4.903, เกียร์ 2 = 3.120, เกียร์ 3 = 2.166, เกียร์ 4 = 1.597, เกียร์ 5 = 1.312, เกียร์ 6 = 1.000, เกียร์ 7 = 0.776 และเกียร์ 8 =0.651 เกียร์ถอยหลัง = 4.050 อัตราทดเฟืองท้าย=3.583

    เกียร์ลูกนี้ให้โอเวอร์ไดรฟ์ถึง 2 เกียร์นั่นคือ เกียร์ 7 กับ 8 ให้ความสมูทลื่นไหลการเปลี่ยนเกียร์ไม่กระตุกตอบสนองดีรักษารอบกำลังไม่ให้ลากมากเกินไปเพราะอัตราทดที่เยอะนั่นเอง

    ISUZUทุกโค้งสบายใจด้วยพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้า (Electric Power Steering) น้ำหนักเบากว่าตอนสมัยเป็นแบบน้ำมันเบาสาวพวงมาลัยได้อย่างคล่องมือในยามความเร็วต่ำๆถึงกลางๆแต่จะเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาอีกนิดในความเร็วสูงเหมือนตอนขับเครื่อง 3.0 เส้นทางที่ขับจะเป็นขับชิดขวา รถที่ขับพวงมาลัยขวาด้วยเส้นทางที่โค้งเยอะ การก่อสร้างถนนในบางช่วง แต่ยังให้ความอุ่นใจในการเลี้ยวการสาวพวงมาลัยผู้หญิงขับได้ผู้ชายขับดี อาจไม่เทียบเท่าคู่แข่งที่คมทุกโค้งแต่ถือว่ามีตัวตนดีไปอีกแบบและรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตรทำให้วงเลี้ยวแคบขึ้นกลับรถม้วนเดียวจบสบายๆ

    ISUZU

    ช่วงล่างคอยล์สปริงทั้ง 4 ล้อ ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น Double Wishbone และเหล็กกันโคลงช่วงล่างด้านหลังแบบ 5-Link Suspension ครั้งนี้ทาง ISUZU ไปปรับช่วงล่างมาหรือเปล่าทำให้ผลงานออกมาแนวๆนุ่มนวลมากขึ้นอาการเด้งน้อยลงแต่ยังให้เห็นบ้างในบางช่วง เอาใจสายสว.อายุเยอะและวัยกลางคนที่ยังพอใจไม่อยากเอาไปแต่งเพิ่มอีก

    ระบบเบรกทำงานทันใจไม่ไถลไปชนท้ายรถคันหน้า เมื่อเหยียบแป้นเบรกไป 25% เบรกจะเริ่มหน่วงและหยุดเต็มที่เมื่อเหยียบแป้นไปถึง 35% ด้วยหม้อลมเบรกขนาดใหญ่รวมถึงดิสก์เบรก 4 ล้อประกอบด้วย ดิสก์เบรกหน้าขนาดใหญ่ 320 มิลลิเมตรและมีดิสก์เบรกหลังให้เป็นมาตรฐาน

    ISUZUตามคำเรียกร้องของเหล่าประชาคมอีซูซุรุ่นเก่าและใหม่มาแล้วกับกล้องรอบคัน 360 องศา Surround View Camera ให้ภาพคมชัดแบบ 3D แถมฟังก์ชันมองมุมใต้ท้องรถในยามลุย ให้ภาพชัดไม่มัวแม้จะมองมุมไหนหลายๆมุมให้ความละเอียที่ดี

    ISUZU

    เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ISUZU MATRIX SAFETY INTELLIGENCE ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ทำงานด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera แม่นยำกว่ากล้องเดี่ยวแบบ Mono Camera ทั่วไป ตรวจจับเส้นถนนและวัตถุด้านหน้ารถแบบ Real Time มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิมด้วยเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคัน โดย ADAS Generation เพิ่มเติมใหม่ 5 ระบบ เช่น

    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System) ใหม่!
    • ช่วยควบคุมทิศทางของรถตามรถคันหน้า TJA (Traffic Jam Assist) ใหม่!
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ELK (Emergency Lane Keeping) ใหม่!
    • ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ใหม่!
    • ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) ใหม่!
    • ช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist)
    • ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go
    • เตือนการชนด้านหน้าอัตโนมัติ FCW (Front Forward Collision Warning)
    • หยุดรถอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Brake)
    • เตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System)
    • ช่วยเบรกฉุกเฉินขณะกำลังเลี้ยว TA-AEB (Turn Assist with Autonomous Emergency Braking)
    • ควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam)
    • เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake)
    • ตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดด้วยตัวเอง MSL (Manual Speed Limiter)
    • ตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิดพลาด PMM (Pedal Misapplication Mitigation)
    • พร้อมแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)

    ISUZU

    ออปชันติดมากับรถให้อย่างครบครันทั้งเซนเซอร์ช่วยจอดรถยนต์ Parking Aid System รวม 8 จุด ทำงานร่วมกับกล้องมองหลัง พร้อมเส้นกะระยะ Lane Guide เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring) และช่วยเตือนขณะถอย RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

    ป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS (Anti-Lock Brake System) พร้อมเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) กระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution) ป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS (Traction Control System) ควบคุมการทรงตัวขณะขับขี่ ESC (Electronic Stability Control) ควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control)

    ลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก BOS (Brake Override System) ช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ถุงลมนิรภัยรอบคัน​ 6 ตำแหน่งโครงสร้างห้องโดยสาร Ultra-High Tensile

    ขับตะลุยในเวียดนาม

    ISUZU

    ขับท่องเที่ยวภายในเวียดนามจากเมืองฮานอย สู่อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) โดยอ่าวฮาลองเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นแลนด์มาร์คของประเทศเวียดนาม เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจาก UNESCO มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994

    มีชื่อในภาษาเวียดนามว่า “Vinh Ha Long” หมายถึง “อ่าวแห่งมังกรผู้ดำดิ่ง” อ้างอิงจากนิยายพื้นบ้านที่กล่าวไว้ว่ามีชาวเวียดนามกำลังต่อสู้กับกองทัพผู้มารุกราน เทพเจ้าบนสรวงสรรค์พบเข้าจึงส่งมังกรลงมาช่วยเหลือ มังกรเหล่านั้นจึงดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลทำให้อัญมณีและหยกกระจัดกระจายออกมากลายเป็นเกาะที่ต่างๆทั่วบริเวณ

    ISUZUกิจกรรมไฮไลท์ของการมาเที่ยวชมอ่าวฮาลองคือ การล่องเรือชมทัศนียภาพอันงดงามของเกาะต่าง ๆ และแวะชมถ้ำสวรรค์ (Thiên Cave) ที่สวยงามด้วยหินงอกหินย้อยรูปทรงสวยงามแปลกตาแตกต่างกันออกไป หลังจากเที่ยวชมอ่าวฮาลองกันอย่างจุใจแล้ว จึงเดินทางต่อเพื่อไปรับประทานอาหารเย็นแบบบุฟเฟต์นานาชาติที่ภัตตาคาร Sen Ha Thanh ที่มีชื่อเสียงมากในเมืองฮานอย

    กับความหลากหลายของเมนูให้ทุกคนได้อิ่มอร่อย ก่อนเดินทางเข้าพักที่โรงแรม The Yacht ตามอัธยาศัยจบวันที่ 1 ของการขับรถ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง จากสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่าย เมืองฮานอย สู่อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay) ด้วยระยะทางรวม 194.8 กิโลเมตร ใช้น้ำมันเพียง 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร โดยถังน้ำมันยังวิ่งได้ต่อ 865 กิโลเมตรในสภาพอากาศเย็น 18 องศาเซลเซียสขับโดยไม้ที่ 1

    ISUZUเริ่มต้นเช้าวันที่ 2 ขับจากตัวเมืองเวียดนาม นครแห่งเสียงแตร ผ่านการจราจรแออัดสลับกับการก่อสร้างถนนเป็นช่วงๆ ตลอดเส้นทาง มุ่งหน้าสู่ด่านมิตรภาพชายแดนเวียดนาม–จีน ด่านชายแดนจีน “โหย่วยี” (Youyi) โดยระหว่างทางนั้นผมเองได้เป็นไม้ที่ 3 ขับจากอำเภอเตียนเยียน (Tien Yên) จังหวัดก๋วงนินห์ (Quang Ninh) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเวียดนามไปถึงเมืองลังซอน ด้วยระยะทางที่ขับ 122 กิโลเมตร

    ISUZU

    แม้จะเป็นเส้นทางสองเลนสวนตามชนบท มีหลายโค้งผ่านชุมชนและมีการซ่อมทางตลอดกลับให้ความประหยัดถึง 14.7 กิโลเมตรต่อลิตร น้ำมันยังเหลือวิ่งไกลได้อีก 610 กิโลเมตรเรียกว่าประหยัดตามสไตล์ ISUZU ก่อนไม้ที่ 2 ขับในช่วงตัวเมืองฮาลองถึงเตียนเยียนและขับต่อจนจบถึงด่านมิตรภาพ “โหย่วยี” ด้วยระยะทางรวม 191.7 กิโลเมตร ประหยัดถึง 14.5 กิโลเมตรต่อลิตร น้ำมันยังเหลือ 570 กิโลเมตร เรียกว่าจบภารกิจขับรถที่เวียดนาม

    ISUZUทิ้งรถไว้ที่ด่านผ่านการตรวจตม.เป็นที่เรียบร้อยขึ้นรถบัสมายังประเทศจีนไปยังโรงแรมลักซ์ ฉงจั่ว มณฑลกวางสี (LUX* Chongzuo, Guangxi Resort & Villas) โรงแรมหรูระดับ 6 ดาว หนึ่งในโรงแรมที่นักท่องเที่ยวต้องห้ามพลาด ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับห้องพักแสนสบาย และรับประทานอาหาร ท่ามกลางวิวธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ตระการตา

    ISUZUวันที่ 3 เดินทางท่องเที่ยวจากโรงแรมที่พักเข้าเมืองหมิงฉี (Mingshi) เพื่อเดินทางไปชมความสวยงามของน้ำตกเต๋อเทียน (Ban Gioc–Detian Waterfalls) สุดยอดน้ำตกแห่งเอเชีย ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าเขาอุดมสมบูรณ์ที่เชื่อมระหว่างชายแดนจีน-เวียดนาม น้ำตกแห่งนี้เกิดจากความต่างระดับของแม่น้ำ มีความกว้างประมาณ 200 เมตร และสูงประมาณ 30-70 เมตร

    หากมองจากด้านบนจะเห็นว่าน้ำตกทางฝั่งเวียดนามจะเป็นน้ำตกชั้นเดียว น้ำตกจะไหลลงมาเป็นสายยาวอย่างสวยงาม ส่วนทางด้านฝั่งจีนนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ไหลลดหลั่นกันลงมา กิจกรรมของการมาเยือนน้ำตกเต๋อเทียน คือการล่องแพไม้ไผ่ชมความสวยงามสุดตระการตาของน้ำตกที่ล้อมรอบไปด้วยแมกไม้ น้ำสีเขียวมรกตใส และขุนเขาธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ที่อยู่รายล้อมสุดสายตา

    หลังจากลชมความสวยงามของน้ำตกเต๋อเทียนเสร็จแล้วได้เดินทางต่อไปยังเมืองหนานหนิง เมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เพื่อเช็ก-อิน ที่โรงแรมที่พัก Crowne Plaza Hotel Nanning ก่อนเดินทางกลับไทย

    ISUZUจบทริปด้วยความสุขตลอดการเดินทางในรถ ISUZU MU-X RS 2.2 Ddi MAX FORCE “THE NEXT PEAK” ทำให้การท่องเที่ยวครั้งนี้สมบูรณ์แบบที่สุดสิ่งที่สัมผัสได้ในเรื่องหน้าตาสปอร์ตแบบเดียวกับรุ่น 3.0 ถ้าจะให้เข้มขึ้นสปอยเลอร์หลังอยากให้มาสีดำกลมกลืนกับหลังคารถและกันชนหลังอยากให้หล่อขึ้นรูปชิ้นเดียวรวมสเกิร์ตข้าง

    ไม่ต้องติดสเกิร์ตข้างแยกชิ้นซ้าย-ขวา ภายในเน้นดำเขียวมะนาวให้อารมณ์สปอร์ตเหนือสิ่งอื่นใด ไฟ Ambient Light อยากให้มีสีอื่นมากกว่าสีแดงได้มีสีสันขึ้นรวมถึงเพิ่มที่ชาร์จมือถือไร้สายเข้ามา ขุมพลังหายห่วงแรงไวขึ้นตอบสนองดีขึ้นกว่าเครื่อง 1.9 150 แรงม้า เกียร์ 8 สปีดเซตฉับไวขึ้นเปลี่ยนเกียร์สมูท​

    ช่วงล่างนุ่มขึ้น​ พวงมาลัยไฟฟ้าน้ำหนักเบาในย่านความเร็วปกติ​และเพิ่มน้ำหนักขึ้นตอนขับทางไกล ด้านความประหยัดรวม 14.1 กิโลเมตรต่อลิตรจากระยะทางนรวม 387 กิโลเมตร ขับกัน 3 คนสลับกัน โดยตอนเต็มถังจากฮานอยสามารถวิ่งได้ไกล 1,160 กิโลเมตรกับถังน้ำมัน​ 80​ ลิตร​ ถ้าวิ่งหมดถัง​คงได้​ 14.5 กิโลเมตรต่อลิตร 

    ISUZU

    หล่อแบบนี้ราคาถูกกว่าคู่แข่งข้าวของเต็มถือว่าน่าสนใจไปอีกแบบในราคา 1,624,000 บาท แต่ถ้าเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่นในชายคาเดียวกันอย่าง 3.0 RS 2WD ส่วนต่างห่างกัน 35,000 บาท ถ้าชอบกำลังวังชาที่ดีกว่า 2.2 เล็กน้อย แม้เกียร์จะเป็น 6 สปีด ประหยัดไล่เลี่ยถึง 13-14 กิโลเมตรต่อลิตร 

    ในรุ่น RS มีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ ไอเกอร์ เกรย์ โอเพค (Eiger Gray Opaque) สีใหม่, ขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl) เพิ่มเงิน 12,000 บาท และ ดำบาวาเรียน ไมก้า (Bavarian Black Mica)

     

     

     

     

     

     

     

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts