เรียกว่าเป็นการตัดหน้าฝาแฝด MG U9 ที่จะเปิดตัวกับ LDV TERRON 9 กระบะไซซ์ยักษ์บุกตลาดออสเตรเลียพวงมาลัยขวาที่แรกของโลก
LDV TERRON 9 กระบะทรงหล่อมาในร่าง 4 ประตูยกสูง Double Cab ท้าชน ISUZU D-MAX Toyota Hilux และ Ford Ranger
ภายนอกหล่อทั้งคัน
ตั้งแต่ไฟหน้า LED และไฟ DRL แบบ LED ในโคมแนวตั้งพร้อมกระจังหน้าขนาดใหญ่ลายรังผึ้งในรุ่นเครื่องดีเซลและไฟหน้า LED รูปตัว C พร้อมกระจังหน้าทรงทึบติดตรา LDV ในรุ่นอีวี ฝากระโปรงหน้ามีขอบหนา ซุ้มล้อทรงเหลี่ยมราวหลังคาดีไซน์กลมกลืนกับหลังคารถ กระจกมองข้าวพร้อมไฟเลี้ยวปรับพับด้วยระบบไฟฟ้าและพับอัตโนมัติ Auto Folding Mirror ที่เปิดประตูดึงก้าน บันไดข้าง สปอร์ตบาร์กระบะท้าย ไฟท้าย LED แบบยูคว่ำ ไฟส่องภายในกระบะในรุ่นท็อป ล้ออัลลอยมีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/65R18 และขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 275/55R20 มาในร่างกระบะ 4 ประตูทรงใหญ่ด้วยพื้นฐาน semi-monocoque และโครงสร้างเหล็ก ตั้งแต่
- ความยาว 5,500 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 2,045 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,874 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,300 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 215 มิลลิเมตร
- พื้นที่กระบะท้ายใหญ่ตั้งแต่ความยาว 1,561 มิลลิเมตร กว้าง 1,600 มิลลิเมตร สูง 520 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 80 ลิตร
- น้ำหนักรถ 2,400-2,495 กิโลกรัม
ภายในเด่นด้วยจอคู่
มาพร้อมจอคู่ที่รวมการทำงานทั้งมาตรวัดความเร็วและจอสัมผัสระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบขนาด 12.3 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัด พร้อมเบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งโดยฝั่งคนขับปรับธรรมดา 6 ทิศทางในรุ่นเริ่มต้นและปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมอุ่นเบาะและนวดได้ในรุ่นท็อป และเบาะนั่งคู่หน้าปรับเอนเป็นเตียงนอนอเนกประสงค์ความยาว 170 เซนติเมตร ช่องเสียบ USB Type A และ Type C รวมกัน 4 จุด พร้อมลำโพง JBL 8 จุด มีไฟสร้างบรรยากาศ Ambient lighting กับระบบอุ่นทั้งเบาะด้านหลัง กุญแจแบบคีย์การ์ดพร้อมระบบ Keyless Start ที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 50W
ดีเซลทรงพลัง
มาพร้อมดีเซลเทอร์โบขนาด 2.5 ลิตร รหัส SC25TA ให้กำลังมากถึง 222 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิด 520 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ประหยัด 12.66 กิโลเมตรต่อลิตร มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก ZF เพิ่มพลังลุยด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time with Terrain Selection 4WD พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย electronic differential lock (EDL) ทั้งด้านหน้าและหลังในรุ่นท็อป และด้านหลังในรุ่นเริ่มต้น
สามารถลากจูงน้ำหนักได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัม ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแบบปีกนกคู่และด้านหลังแบบแหนบพร้อมระบบช่วยจอดและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ L2 ลุยน้ำได้สูงสุด 550 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยว 13.3 เมตร ควบคุมที่แม่นยำในทุกสภาพถนนด้วยมุมปะทะหรือ Approach angle อยู่ที่ 29 องศา มุมจากหรือ Departure angle 25 องศา และมุมคร่อมหรือ Breakover angle 20 องศา
ระบบช่วยช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS)
- เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ตรวจจับคนเดินถนนและจักรยาน AEB (Autonomous emergency braking Pedestrian and cyclist detection)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive cruise control)
- ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM (Blind-spot monitoring)
- ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- เตือนการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง SEA (Safe exit warning)
- ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- อ่านป้ายจราจร TSR (Traffic-sign recognition)
- ช่วยถอยรถพ่วงท้าย TBS (Trailer back-up assistance)
ถุงลมนิรภัยรอบคัน Front, front-side and curtain airbags ถุงลมนิรภัยตรงกลางด้านหน้า Front centre airbag กล้องมองภาพรอบคัน Surround-view camera สัญญาณกะระยะการจอดหน้า-หลัง Front and rear parking sensors ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว ESC (Electric Stability Control System)
ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ควบคุมการลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) และ ISOFIX
LDV TERRON 9 มีทั้งหมด 5 สี ทั้งสีดำ Black สีเหลือง Desert Yellow สีเขียว Spruce Green สีน้ำเงิน Jewel Blue และสีเทา Concrete Grey ขาย 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Origin และรุ่น Evolve
ในราคารวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road แบบ ABN กลุ่มองค์กร เริ่มต้น $50,990-$55,990 หรือราว 1,085,000-1,189,000 บาท และราคาสำหรับขายทั่วไป $53,674-$58,937 หรือราว 1,139,000- 1,255,000 บาท โดยจะมาถึงโชว์รูมภายในปีนี้ ทางด้าน MG U9 ขายออสเตรเลียปลายปีนี้ตามหลัง LDV
ที่มา Carexpert
