แบตเตอรี่รถยนต์ ถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยให้รถยนต์ของเราสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ และยังเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ภายในรถอีกด้วย การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถให้ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างยาวนาน
การดูแลรักษาแบตเตอรี่อย่างถูกวิธีจะช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ทั้งยังช่วยประสิทธิภาพในการจ่ายไฟให้ดีขึ้น ทำให้รถสตาร์ทติดง่าย ป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสภาพกะทันหัน ทำให้รถเสียกลางทาง
วิธีดูแลรักษา “แบตเตอรี่”
1.ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นอยู่เสมอ
สำหรับแบตเตอรี่แบบเติมน้ำกลั่น ควรตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในเซลล์แบตเตอรี่เป็นประจำ หากน้ำกลั่นต่ำกว่าระดับที่กำหนด ควรเติมน้ำกลั่นให้ถึงระดับ
2.รักษาความสะอาดของ “แบตเตอรี่”
แบตเตอรี่ควรอยู่ในสภาพที่ สะอาด แห้ง ไม่มีสิ่งสกปรกหรือคราบต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณขั้วแบตเตอรี่ สิ่งสกปรกเหล่านี้อาจส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพในการจ่ายไฟของแบตได้ ควรทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ด้วยแปรงขัดและเบกกิ้งโซดา แล้วทาด้วยวาสลีนเพื่อป้องกันการเกิดสนิม
3.เปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อถึงอายุการใช้งาน
แม้จะดูแลรักษาแบตเตอรี่อย่างดี แต่แบตเตอรี่ก็มีอายุการใช้งานที่จำกัด เมื่อแบตเตอรี่มีอายุมากขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานจะลดลง ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เมื่อถึงอายุการใช้งาน
4.อย่าจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน
แบตเตอรี่รถจะมีการคายประจุไฟอยู่ตลอดเวลา หากจอดรถทิ้งไว้นาน ๆ ประจุไฟก็จะคายออกไปเรื่อย ๆ หากไม่ได้สตาร์ทรถหรือนำรถออกไปขับเลยก็จะไม่มีการชาร์จไฟกลับเข้าไป ทำให้ประจุไฟภายในเริ่มอ่อนและหมดลงในที่สุด ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อม และไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้นจึงควรนำรถออกไปขับอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง
การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของรถยนต์ หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณบ่งบอกว่าแบตเตอรี่เสื่อม ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบและเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทันที
บทความที่น่าสนใจ
ถนน 340 บางบัวทอง-สุพรรณบุรี ปิดปรับปรุง 3 ปี เลี่ยงไปใช้เส้นทางไหนได้บ้าง?
วิธีแก้ “อาการเมารถ” เดินทางไกลสบายหายห่วง