เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วที่งาน IAA Transportation 2024 สำหรับ MAXUS eTERRON 9 กระบะไฟฟ้าพื้นฐานจากรุ่น StarX
ไม่ว่าจะเป็น MAXUS eTERRON 9 หรือ MAXUS Star X ทั้งสองนำต้นแบบ MAXUS GST ที่เคยโชว์ตัวเมื่อปี 2023 ขัดเกลาดีไซน์ให้ออกมาเป็นกระบะสุดแกร่ง
ภายนอก Exterior
หล่อทั้งคันตั้งแต่ไฟหน้า LED ในโคมขนาดใหญ่รูปตัว C ในรุ่นอีวี พร้อมตรา MAXUS ทรงทึบ ฝากระโปรงหน้ามีขอบหนาพร้อมช่องเก็บของข้าง ซุ้มล้อทรงเหลี่ยม ราวหลังคาดีไซน์กลมกลืนกับหลังคารถ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ไฟท้าย LED แบบยูคว่ำ มีพื้นที่บรรทุกภายในยาวถึง 2,400 มิลลิเมตรด้วยการใช้ฟังก์ชัน Multi-Flex Midgate กระบะท้ายเปิดทะลุไปจนถึงห้องโดยสารด้านหลัง
ล้ออัลลอยมีหลายขนาดตั้งแต่ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 245/65 R17, ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 265/65R18 และขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 275/55R20 โดยมาในร่างกระบะ 4 ประตูทรงใหญ่พื้นฐาน semi-monocoque และโครงสร้างเหล็ก ตั้งแต่
- ความยาว 5,500-5,630 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 2,005 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,860-1,874 มิลลิเมตร
- ระยะฐานล้อ 3,300 มิลลิเมตร
- ช่องเก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้า (FRUNK) 236 ลิตร
- น้ำหนักบรรทุกในกระบะท้ายเพียง 620 กิโลกรัม
ภายใน Interior
ทางด้านภายในแน่นอนว่ามาพร้อมจอคู่ที่รวมการทำงานทั้งมาตรวัดความเร็วและจอสัมผัสระบบความบันเทิงเต็มรูปแบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัด พร้อมเบาะนั่งสบาย 5 ที่นั่งโดยฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมอุ่นเบาะและนวดได้ และเบาะนั่งคู่หน้าปรับเอนเป็นเตียงนอนอเนกประสงค์ความยาว 170 เซนติเมตร
ขุมพลัง Performance
ไฟฟ้าล้วนพัฒนาใหม่หมดแบบมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้กำลังรวมถึง 442 แรงม้า จากมอเตอร์ล้อหน้า 188 แรงม้าและล้อหลัง 294 แรงม้าให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.8 วินาที ให้ความเร็วสูงสุด 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพร้อมชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตขนาด 102 kWh
วิ่งไกลสุดตามมาตรฐาน WLTP 430 กิโลเมตร คาดรองรับการชาร์จเร็ว DC สูงถึง 115 kW 20-80% ภายใน 40 นาที และชาร์จช้า AC พร้อมโหมดการขับขี่ All-Terrain System (ATS) 6 โหมดรวมโหมดปรับตั้งค่าเองเลือกปรับความสูงตัวรถ ปรับน้ำหนักพวงมาลัยไฟฟ้า การควบคุมรถ และตั้งค่ากำลังได้ตามใจชอบ
มาพร้อมฟังก์ชันการปล่อยไฟฟ้าภายนอก V2L (Vehicle to Load) รองรับการจ่ายโหลดสูงสุด 2.2KW ~ 6.6KW ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อโดยด้านหลังมาแบบมัลติลิงค์ พร้อมระบบถุงลมและปรับด้านท้ายเตี้ยลง 60 มิลลิเมตรในยามบรรทุกของด้วยฟังก์ชัน Easy Load สามารถลากจูงน้ำหนักได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัม
เบื่องต้น MAXUS eTERRON 9 เตรียมขายอังกฤษสิ้นปี 2024 ทางด้านออสเตรเลียมีแนวโน้มที่จะขายแต่อาจแปะตรา MG แทนตรา LDV ก็เป็นได้และยังมีเวอร์ชันสันดาปล้วนให้เลือกด้วยดีเซลเทอร์โบขนาด 2.5 ลิตร รหัส SC25TA
ให้กำลังมากถึง 224 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจมาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก ZF เพิ่มพลังลุยด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time with Terrain Selection 4WD พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย electronic differential lock (EDL)
ตามแผนของ MAXUS ที่จะบุกตลาดทั่วโลกด้วยรุ่นใหม่ 10 รุ่นเจาะตลาดยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอเมริกาสานต่อยอดขายในต่างประเทศเกินกว่า 180,000 คันตั้งแต่ปี 2025
ที่มา Carexpert