More

    Mazda BT-50 ฝาแฝดดีแมคซ์พลังใหม่ 2.2 ขายออสซี่เริ่ม 805,000 บาท

    นอกจากแฝดพี่ ISUZU D-MAX เปิดตัวเครื่องใหม่ 2.2 แล้วแฝดน้องอย่าง Mazda BT-50 ที่พึ่งไมเนอร์เชนจ์ไม่นานก็ได้เครื่องใหม่มาประจำการเช่นกัน 

    Mazda

    Mazda BT-50 เครื่องยนต์ใหม่ 2.2 นั้นมาในรุ่น XS ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นทั้งแบบ ตอนเดียว Single Cab  และ 4 ประตู Double Cab ขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อ

    หล่อแบบ KODO Design

    ตั้งแต่ฝากระโปรงหน้าออกแบบใหม่ ไฟหน้า LED คู่ dual-beam LED พร้อมไฟ DRL LED รูปตัวแอลแนวนอนกระจังหน้าซิกเนเจอร์วิงออกแบบใหม่พร้อมตราโลโก้ที่ใหญ่ขึ้นขอบกระจังหน้าใหญ่ขึ้น กันชนหน้าออกรับกับกระจังหน้า ชุดแต่งสีดำทั้งในกระจังหน้า ชุดแต่งสีเดียวกับตัวรถทั้งที่เปิดประตูกระจกมองข้าง ด้านท้ายออกแบบด้วยไฟท้าย LED พร้อมฝากระบะท้ายดีไซน์ใหม่เล่นดีไซน์ร่องแนวนอน 3 ช่องแบบแยกกับตราขนาดใหญ่กันชนหลังดีไซน์ดูเรียวขึ้นอย่างชัดเจน ล้อและยางที่มีให้เลือกตั้งแต่ล้ออัลลอยลายเข้มกับกระทะล้อและล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 255/65 R17

    Mazda

    ภายในเข้ม

    ด้วยโทนสีเข้มพร้อมออปชันด้วยชุดมาตรวัดเรืองแสงใหม่พร้อมจอ​ขนาดใหญ่​ 4.2 นิ้ว แบบ TFT พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับระดับได้ 4 ทิศทางปรับระดับได้ 4 ทิศทางแบบ Tilt & Telescopic หน้าจอระบบสัมผัส Infotainment Display ขนาด 8 ติดตั้งระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ที่หน้าจอ Infotainment Display

    รองรับการใช้งานทั้งระบบ Wireless Android Auto และ Wireless Apple CarPlay Charging Socket แบบ USB-C ชาร์จได้รวดเร็วทั้งที่นั่งด้านหน้าและด้านหลัง ระบบเสียงรอบทิศทางตั้งแต่ 4 ลำโพง 6 ลำโพง แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศมาทั้งแบบหมุนมีทิศทางลม 5 จุดพร้อมไล่ฝ้ากระจกหน้า หุ้มด้วยวัสดุผ้า

    Mazda

    ขุมพลังใหม่

    มาแทนรุ่น RZ4E-TC ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาทีด้วย ดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS ขนาด 2.2 ลิตร รุ่น RZ4F-TC แบบ 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ให้พลังแรงเพิ่มขึ้นสุดถึง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600 – 2,400 รอบต่อนาที

    มาพร้อมระบบส่งกำลังใหม่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดแบบ REV TRONIC รุ่น L-B500 จาก AISIN ให้อัตราทดเกียร์ต่อเนื่องในทุกช่วงความเร็วพร้อมอัตราทดใหม่ออกตัวได้ดีขึ้นแม้บรรทุกหนัก และให้ความประหยัดน้ำมันที่ความเร็วสูง พร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต Rev Tronic พร้อมระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติขณะสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์ (Idle Stop/Start) สามารถลากจูงสูงสุด 3,500 กิโลกรัม

    Mazda

    เลือกได้ทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง และขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-Time Terrain Command พร้อม Diff-Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ติดตั้ง Rough Terrain Mode ช่วยควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ เบรกให้เหมาะสมเพื่อให้สามารถผ่านอุปสรรคไปได้ทำงานได้ทั้ง 2H 4H และ 4L พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า

    ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS

    เวอร์ชันใหม่ทำงานด้วยกล้องหน้าคู่ 3D Imaging Stereo Camera แม่นยำกว่า ตรวจจับเส้นถนนและวัตถุด้านหน้ารถแบบ Real Time มีมุมมองกว้างและแม่นยำกว่าเดิม พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซนเซอร์ 8 จุดรอบคันครบครันด้วย

    • หยุดรถอัตโนมัติ Autonomous Emergency Brake (AEB)
    • เตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW)
    • ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติอัจฉริยะ IACC (Intelligent Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go
    • จำกัดความเร็วอัจฉริยะ Intelligent Speed Limiter (ISL)
    • จำกัดความเร็วด้วยตนเอง Manual Speed Limiter (MSL)
    • ตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วคราวในกรณีเผลอเหยียบคันเร่งโดยไม่ได้ตั้งใจ Mis acceleration Mitigation (MAM)
    • แจ้งเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Assist (DAA)
    • จดจำป้ายจราจร  Traffic Sign Recognition (TSR)
    • เตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Warning (LDW)
    • ช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Prevention (LDP)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน  Lane Keep Assist (LKA)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในสภาวะฉุกเฉิน Emergency Lane Keeping (ELK)
    • เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Blind Spot Monitoring (BSM)
    • เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
    • เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย Rear Cross Traffic Brake (RCTB)
    • ช่วยควบคุมรถยนต์ขณะรถติด Traffic Jam Assist (TJA)
    • เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุ Post-Collision Braking (PCB)
    • ปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Auto High Beams)
    • ช่วยเบรกฉุกเฉินขณะกำลังเลี้ยว TA (Turn Assist)
    • ควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้าย TSC (Trailer Sway Control)
    • ป้องกันการพลิกคว่ำ ROP (Roll Over Protection)

    Mazdaความปลอดภัยพื้นฐาน

    • ป้องกันล้อล็อก Anti-Lock Braking System (ABS)
    • กระจายแรงเบรก Electric Brake Force Distribution (EBD)
    • ควบคุมการทรงตัว Electric stability Control (ESC)
    • ป้องการลื่นไหล Traction Control System (TCS)
    • ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist)
    • ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control)
    • เปิดไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Stop Signal)
    • ลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก Brake Override System (BOS)
    • ตรวจวัดลมยาง Tire Pressure Monitoring System (TPMS)

    สัญญาณเตือนการจอด Parking Aid System พร้อมเซนเซอร์กะระยะ 4 จุดด้านหลัง ตัดการทำงานของ BSM และ RCTA/RCTB แบบอัตโนมัติในกรณีลากจูง ถุงลมนิรภัยรอบคัน 8 จุด รวมถุงลมนิรภัยคั่นกลางระหว่างเบาะหน้ากับใต้เข่าคนขับ Crash Unlock ปลดล็อกประตูอัตโนมัติ เมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน และ Welcome light ไฟส่องสว่างในห้องโดยสาร และ Welcome Headlight ไฟหน้ารถทั้งคู่จะเปิดอัตโนมัติ เมื่อเข้าใกล้รถ ในระยะ 2 เมตร และกล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะการจอดเลี้ยวตามโค้ง

    Mazda BT-50 เครื่องยนต์ใหม่ 2.2 มีให้เลือกทั้งแบบกระบะท้ายมาตรฐานและกระบะเรียบ Cab-Chassis แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อยทั้งรุ่น XS Single Cab Chassis 4×2, XS Dual Cab Pickup 4×2, XS Dual Cab Chassis 4×2 และ XS Dual Cab Pickup 4×4 ประกอบที่โรงงาน ISUZU Motors ประเทศไทยในราคาไม่รวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road ของออสเตรเลีย $37,900-$54,720 หรือราว 805,000-1,155,000 บาท 

    Mazda

    นอกจากนี้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแปรผันไฟฟ้า E-VGS Turbo ขนาด 3.0 ลิตร รหัส 4JJ3-TCX ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 450 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที พร้อม เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อม REVTRONIC สามารถลากจูงสูงสุด 3,500 กิโลกรัม ยังเพิ่มระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติขณะสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์ (Idle Stop/Start) เช่นเดียวกับรุ่น 2.2 ซึ่งอ้างว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้มากถึง 11%

    ขณะที่รุ่น XTR และ GT 4×4 dual-cab/chassis 3.0 มาพร้อมคานลากจูงในตัวเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และสามารถลากจูงสูงสุด 3,500 กิโลกรัม ขายทั้งหมด 14 รุ่นย่อยในราคาไม่รวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road ของออสเตรเลีย $40,400-$71,950 หรือราว 855,000-1,515,000 บาท เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อยกสูงและขับเคลื่อน 4 ล้อในแบบตอนเดียว แค็ปตอนครึ่ง และ 4 ประตู

     

    ที่มา CAREXPERT

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts

    Skip to toolbar