หลังจากเปิดตัวที่ญี่ปุ่นตามมาด้วยออสเตรเลียแต่โดนหักหลังด้วยการเปิดราคาก่อนทำให้ญี่ปุ่นต้องเปิดราคาตามมาสำหรับ Mazda MX-5 35th Anniversary
สำหรับรุ่นพิเศษนี้มาครบทั้งรุ่น RF หลังคาแข็งและรุ่น Soft-Top หลังคาผ้าใบสำหรับ Mazda MX-5 35th Anniversary หรือ Mazda Roadster
ความพิเศษของรุ่นนี้คือสีภายนอกรถมาแบบสีแดง Artisan Red Premium Metallic” ซึ่งเป็นสีพิเศษสีที่ 4 ที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคนิคการพ่นสีเฉพาะตัวของมาสด้าที่เรียกว่า “TAKUMINURI” พร้อมหลังคาผ้าใบสีพิเศษสีแทนอ่อนๆทำให้รถคันนี้เกิดความพรีเมียมสุขุมมากขึ้น พร้อมป้ายรุ่นพิเศษ 35 ปี กับรันนัมเบอร์ลำดับการผลิตบริเวณบังโคลนหลัง
พร้อมออปชันหรูทั้งชุดไฟหน้าใหม่แบบ Bi-Beam LED ที่มีไฟหน้าไฟเลี้ยวไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED รวมอยู่ในโคมดียวกัน จากเดิมไฟส่องสว่างเวลากลางวันจะอยู่ที่ข้างๆกันชนหน้าซ้าย-ขวา ชุดไฟท้าย LED ออกแบบใหม่รวมทั้งไฟเลี้ยวไฟเบรกและไฟถอยหลังในโคมเดียวที่ดูหรู มองชัดเจนในเวลากลางคืน ชุดรีเฟล็กเตอร์สะท้อนแสงบริเวณกันชนหลังและล้ออัลลอยลาย 8 ก้านคู่สีเงินขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 205/45 R17 และขนาด 16 นิ้วรัดด้วยยาง 195/50R16
รุ่นเปิดประทุนหลังคาแข็งหรือ RF hard-top ที่ด้านบนหลังคาถอดได้และส่วนด้านหลังสามารถพับเก็บได้ ในเวลา 13 วินาที กับความเร็วสูงสุด 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและหลังคาผ้าใบ soft-top
ภายในหรูด้วยโทนสีแทนอ่อนๆด้วยวัสดุหุ้มหนังคุณภาพพร้อมหัวหมอนปักโลโก้ 35 ปี และการตกแต่งโทนสีแทนอ่อนๆกับสีดำติดตั้งทั้งแผงคอนโซลหน้าแผงประตูพร้อมวงแหวนช่องแอร์สีเงินขอบสีแดง Artisan Red Premium Metallic พร้อมพรมปูพื้นมีแผ่นป้ายพิเศษที่เคลือบด้วยเส้นขนแมว
นอกนั้นคงเดิมทั้งหน้าจอ Center Display ขนาด 8.8 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto TM พร้อมปุ่มควบคุม Center Commander แบบใหม่กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็น
เพิ่มการตกแต่งด้วยคอนโซลกลางหุ้มหนังมอบสัมผัสสปอร์ตหรูหราพรีเมี่ยมหน้าปัดวัดความเร็วรอบพร้อมปุ่มควบคุมบริเวณด้านข้างและระบบเสียงคุณภาพ Bose®รอบทิศทางถึง 9 ตำแหน่งมอบสุนทรียภาพให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง
ขุมพลังแรงเช่นเดิมกับเครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ที่มีถึง 2 ขนาดเริ่มที่รุ่นหลังคาผ้าใบมาพร้อมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร รหัส P5-VP(RS) 136 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด 152 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาทีและขนาดใหญ่ 2.0 ลิตรในรุ่น RF มาพร้อมรหัส PE-VPR (RS) 184 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิด 205 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ทั้ง 2 ขนาดจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด SKYACTIV-MT สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 6.8 วินาทีและเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive 6 สปีด พร้อม Paddle Shift ขับเคลื่อนล้อหลัง
ในรุ่นเกียร์ธรรมดาด้วยระบบปิดการควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC-Track (Dynamic Stability Control-Track) แบบไม่พึ่งตัวช่วย เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้เหมือนกับการขับรถแข่งในสนามแข่ง โดยระบบจะยอมให้เกิด Understeer หรือ Oversteer เพียงเล็กน้อย และระบบจะเข้ามาช่วยเหลือในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถควบคุมรถได้จนเกิดเหตุการณ์รถหมุน เพื่อช่วยควบคุมรถเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
นอกจากนี้ยังทำงานประสานกันอย่างสมบูรณ์กับเฟืองท้าย LSD แบบ Asymmetric (Asymmetric Limited Slip Differential : Asymmetric LSD)เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพในการเลี้ยวของรถกับพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าปรับเซ็ตน้ำหนักให้ความรู้สึกตอบสนองรวดเร็ว
ระบบควบคุมสมรรถนะการทรงตัวขณะเข้าโค้ง KPC (Kinemetic Posture Control) ช่วยให้รถทำงานผสานกันอย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ไม่เพิ่มน้ำหนักให้กับตัวรถ ช่วงล่างด้านหลังถูกออกแบบเพื่อช่วยป้องกันการยกของตัวรถ (Anti-Lift)จะทำการควบคุมแรงเบรกที่ล้อหลังฝั่งด้านในโค้งในขณะที่รถเข้าโค้งเพื่อลดอาการโคลงของตัวรถ ทำให้รถมีเสถียรภาพและเข้าโค้งได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
พร้อมความปลอดภัยครบครันทั้งถุงลมนิรภัยด้านข้างและด้านหน้า 2 คู่ ระบบสัญญานเตือนกันขโมย เซนเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด เพื่อมอบความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ไปตลอดเส้นทางและความปลอดภัยสุดล้ำ i-ACTIVSENSE เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงเมื่อเผชิญเหตุไม่คาดคิดบนท้องถนนที่มีมาเพิ่มเติมอีกหลายระบบไม่ว่าจะเป็น
ระบบช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติหลังการชน (Secondary Collision Reduction) เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ แบบ Advance (Advanced SBS) ช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (SBS-RC) และยังเพิ่มกล้องมองหลังเพื่อช่วยมอบความปลอดภัยสูงสุด
ควบคู่กับระบบความปลอดภัยสุดล้ำอื่นๆได้แก่เตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ แบบ Advance (Advanced SBS: Advanced Smart Brake Support) ช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (SBS-RC: Smart Brake Support: Rear Crossing)
ช่วยเบรกและหยุดรถอัตโนมัติหลังการชน (Secondary Collision Reduction) เฟืองท้าย LSD แบบ Asymmetric (Asymmetric Limited Slip Differential: Asymmetric LSD) ควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC (Dynamic Stability Control)
เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) เตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
ช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง SBS-R (Smart Brake Support-Reverse) ไฟหน้า LED อัจฉริยะ ALH (Adaptive LED Headlamps) ช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Attention Alert) และตรวจจับป้ายจราจร Traffic sign recognition
Mazda MX-5 35th Anniversary เตรียมเปิดขายที่ญี่ปุ่นกุมภาพันธ์ปี 2025 ผลิตตามที่ลูกค้าต้องการจนกว่าจะปิดรับจองในวันที่ 3 มีนาคมปีเดียวกัน ขาย 3 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Soft-Top เกียร์ธรรมดา และรุ่น RF ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ เพียง 1,000 คัน
สนนราคาเริ่มต้น 3,753,200-4,382,400 YEN หรือราว 819,000-959,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้านำเข้ามาขายรวมภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 1,539,000-2,049,000 บาท
ที่มา CarWatch