ทำตลาดเมืองไทยมาตลอด 2 ปี จนได้รับการตอบรับดีจากชาวไทยสำหรับ MG MAXUS 9 ล่าสุดเพิ่มทางเลือกใหม่ด้วย MG MAXUS 9 PLUS
MG MAXUS 9 PLUS รุ่นย่อยใหม่ในฐานะรุ่นเริ่มต้นของเอ็มพีวีหรูหน้าตาไม่ต่างจากรุ่น X กับ V เพียงแต่ปรับเปลี่ยนออปชันเล็กน้อย
ดีไซน์ภายนอกปรับใหม่
โดดเด่นด้วยไฟไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime ตรงกลางใหม่พาดยาวเชื่อมไฟหน้าทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน หลังคาซันรูฟด้านหน้าและล้ออัลลอยลายใหม่เส้นสายก้านล้อแบบ Multi-spoke เรียงกันช่วยเสริมภาพลักษณ์ความโฉบเฉี่ยวขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/55R19 และชื่อรุ่น PLUS ท้ายรถ
นอกนั้นคงเดิมทั้ง แปะตรา MG หรูหราด้วยการดีไซน์ออกแนวเท่กับขอบฝากระโปรง กระจังหน้าปิดทึบ พร้อมชุดไฟหน้า full LED adaptive headlights ไฟเลี้ยวในตัว กันชนหน้าขึ้นรูปรับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่สีเดียวกับตัวรถ ไฟหน้า LED ทรงแนวตั้ง พร้อมชุดตกแต่งโครเมียมที่ขอบกระจังหน้า ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า มิติตัวรถมี
- ความยาว 5,270 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 2,000 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,840 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตร
ภายในปรับเล็กน้อย
ภายในเน้นพร้อมออปชันใหม่ทั้งม่านกันแดดด้านข้าง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในห้องโดยสาร เบาะนั่ง 7 ที่นั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ PU ลวดลายใหม่ (เดิมเป็นหนัง NAPPA) ปรับเปลี่ยนรูปแบบของโต๊ะพับสำหรับผู้โดยสารแถวสอง เบาะนั่งตอนที่สองแบบ VIP ให้มีความคล่องตัวในการใช้งานมากขึ้น ใหม่จอสัมผัส 12.3 นิ้วรองรับ Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สายและวัสดุหุ้มหลังคาขึ้นรูปแบบผ้าจากเดิมจะเป็นหนังชามัวร์ และลำโพง 8 จุด (เดิม 12 จุด) กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
ล้ำอนาคตกับแผงคอนโซลแบบ Double Layer หน้ามีจอสัมผัสขนาดใหญ่ลากเป็นแนวยาวประกอบด้วย ระบบความบันเทิงแบบจอสัมผัส พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB 9 จุด และช่องจ่ายไฟ AC Adaptor 220V พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน มาตรวัดดิจิตอล 7 นิ้ว มีไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient light อย่างอบอุ่นถึง 64 สี ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมิติ แยกบริเวณด้านหน้าและหลังอิสระ พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5 กุญแจนิรภัยแบบอัจฉริยะ พร้อมระบบ Push Start ที่ชาร์จมือถือไร้สาย
เบาะนั่งหรู 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถวที่สองแบบ VIP มีระบบนวดเบาะอุ่นและระบายความร้อน พร้อมช่องวางโทรศัพท์ ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 8 ทิศทางและฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ทุกที่นั่งมีระบบอุ่นเบาะ ระบายอากาศ และนวดเพื่อผ่อนคลาย และ Lumbar Support 4 ทิศทาง
แบตอึดวิ่งไกลดี
ติดตั้งความจุแบตเตอรี่ 90 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า ให้แรงม้าสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตรโดยชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 540 กิโลเมตร (NEDC) พร้อมโหมดการขับขี่ถึง 3 โหมดทั้ง โหมด Normal, Eco และ Sport มีทั้งชาร์จช้ากระแสสลับ AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 11 kW ชาร์จ 5-100% ในเวลา 8.30 ชม. และชาร์จเร็วกระแสตรง DC 30-80% ในเวลา 30 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 120 kWh พร้อม ฟังก์ชัน V2L (Vehicle to Load) ปรับกำลังให้สูงถึง 6.6 kW สามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย มาพร้อมระบบโครงสร้างนิรภัยปรับแต่งระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION บนพื้นฐานช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์
ความปลอดภัยรอบคัน
ด้วยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) ได้แก่
- ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
- ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame), เบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake), ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold), ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution), เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light), ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3 เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ และ สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง (ตัดช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนและช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist) และ ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning))
MG MAXUS 9 PLUS มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเทาหลังคาดำ Granite Grey/Black Top สีขาวหลังคาดำ Pearl White/Black Top และ สีดำ Black Knight จัดจำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 1,799,000 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษตั้งแต่ 9 กรกฎาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2568 ดังนี้
- ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. 1 ปี
- รับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- ฟรี MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด
- ฟรี ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER
- รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุ
การใช้งาน (LIFETIME WARRANTY) - ฟรี ชุดพรมปูพื้น