More

    MG S5 EV วิ่งไกล 515 กม. ขายตัดหน้าไทยที่เนปาลเริ่ม 1.065 ล้านบาท

    ในขณะที่เมืองไทยเตรียมเปิดตัวและราคา MG S5 EV อย่างเป็นทางการในวันที่ 25 มีนาคมแต่ปรากฎว่าเนปาลขายตัดหน้าไทยเป็นที่เรียบร้อย

    MG S5 EV

    โดย MG เนปาล ขาย MG S5 EV เอสยูวีไฟฟ้าขับหลังรุ่นใหม่เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาเรียกว่าเป็นที่แรกของโลกที่จำหน่ายนอกเมืองจีนในเวอร์ชันพวงมาลัยขวา

    ภายนอกออกแบบคล้าย MG9 EV ด้วยกระจังหน้าทรงทึบไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED ทรงเรียบง่าย ถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED กันชนหน้าทรงสปอร์ตพร้อมช่องระบายอากาศแบ่ง 2 ฝั่งคล้าย MG CYBERSTER ประดับด้วยคิ้วชายล่างสีดำใต้กันชนหน้า

    ด้านข้างเท่ด้วยราวหลังคาสีเงินดีไซน์บิ๊วอินน์พร้อมพาโนรามิกซันรูฟบานใหญ่ กรอบกระจกส่วนบนตกแต่งโครเมียมกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ ที่เปิดประตูดีไซน์หรูแบบดึงก้าน คิ้วชายล่างประตูสีดำกับสีเงินทรงหรู

    ไฟท้าย LED แนวยาวคาดด้านท้ายพร้อมตรา MG และยังสามารถเปิด-ปิดฝาท้ายด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอยขนาด 17 พร้อมยาง 225/55R17 กับ 215/60R17 ใหญ่สุด 18 นิ้วพร้อมยาง 215/55R18 สร้างจากแพลตฟอร์มไฟฟ้าล้วน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ออกแบบมาโดยเฉพาะกับรถไฟฟ้าโดยมีมิติตัวรถตั้งแต่

    • ความยาว 4,476 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,849 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,621 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,730 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถคาดว่าอยู่ที่ 1,705 กิโลกรัม
    • ระยะต่ำสุดจากพื้น 175-180 มิลลิเมตร

    MGภายในทันสมัยไม่ว่าจะเป็นแผงคอนโซลหน้าติดตั้งจอมาตรวัดความเร็วสี TFT 10.25 นิ้ว และจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12.8 นิ้วชัดแบบ 2.5K HD รวบรวมการทำงานของแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play และ Android Auto พร้อมลำโพง 4 กับ 6 จุด

    ช่องเสียบ USB-C 2 จุดหน้า และ 1 จุดหลัง ที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charging ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ Zebra Smart System ช่วยยกระดับคุณค่าและประสบการณ์การขับขี่ของผู้ใช้รถ รวมถึงการเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ให้ง่ายยิ่งขึ้น

    MGพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด D-shape มีช่องแอร์เชื่อมต่อกับชุดคอนโซลหน้าอย่างลงตัวพร้อมหัวเกียร์หุ้มหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังมีกรองอากาศ PM 2.5 กระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start  เบรกมือไฟฟ้า และ Auto Hold

    เบาะนั่งคู่หน้ามีทั้งแบบปรับดวยไฟฟ้าและปรับธรรมดาโดยด้านคนขับปรับ 6 ทิศทางและด้านคนนั่งปรับ 4 ทิศทางเบาะหลังพับได้ 60/40 มีพื้นที่การขนของมากถึง 1,423 ลิตรกรณีพับเบาะและถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 462 ลิตร และ NVH LUXURY SILENCE SPACE เพิ่มฟิล์มกันเสียงและแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร

    MG

    ขุมพลังแบบไฟฟ้าล้วนขับเคลื่อนล้อหลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวตัวใหม่ประสิทธิภาพสูง Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงถึง 135 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่มาจากบริษัทร่วมทุนของ SAIC กับ CATL เด่นด้วยความหนาของตัวแบต 110 มิลลิเมตร เป็นแบตที่บางสุดในโลกให้ความเร็วสูงสุด 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 7.1 วินาที

    โดยเนปาลมีให้เลือกถึง 2 รุ่นเริ่มที่รุ่น Standard Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ 49.1 kWh วิ่งไกล 415 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จกระแสงตรง DC 10-80% ภายใน 24 นาที พร้อมกับ ระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 120 kW ช่วยให้ผู้ใช้งานเติมพลังกลับสู่เส้นทางได้ในเวลาอันรวดเร็ว ลดระยะเวลาการรอคอยให้เหลือน้อยที่สุด และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% 7 kW ได้ 8 ชั่วโมง

    รุ่น Long Range ด้วยความจุแบตเตอรี่ 62.2 kWh วิ่งไกล 515 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ชาร์จกระแสงตรง DC 10-80% ภายใน 26 นาที พร้อมกับ ระบบชาร์จเร็ว Quick Charge 150 kW และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% 7 kW ได้ 10 ชั่วโมง

    ได้รับการออกแบบให้มีการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ผสานกับการวางตำแหน่งแบตเตอรี่ที่ช่วยลดจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถให้ต่ำลง (Low Centre of Gravity) ส่งผลให้การยึดเกาะถนนเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม เพิ่มเสถียรภาพขณะเข้าโค้งและการเร่งแซง

    MG

    ลดอาการโคลงตัวเมื่อต้องเผชิญกับสภาพถนนที่ท้าทาย เสริมความสมบูรณ์แบบของระบบขับเคลื่อนด้วยระบบช่วงล่างอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้า และ 5-Link Suspension ด้านหลัง ที่ได้รับการปรับจูนมาเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มการเกาะถนน พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท Continental  พร้อมช่องระบายความร้อน มอบพลังเบรกที่ทรงพลัง ทนทานต่อการใช้งานหนัก ได้ดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาของการขับขี่อย่างแท้จริง

    ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยนวัตกรรมพวงมาลัย Dual Pinion Steering Wheel ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบการขับขี่ที่แม่นยำและมั่นใจในทุกสถานการณ์ ระบบพวงมาลัยนี้ใช้โครงสร้างแบบ Dual Pinion ที่ช่วยเพิ่มความฉับไวในการตอบสนองและให้การควบคุมที่แม่นยำยิ่งขึ้น ลดความพยายามในการบังคับรถ ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่น

    ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้น หรือการขับขี่ที่ต้องการ ความคล่องตัว ระบบพวงมาลัยนี้ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ พร้อมเสริมการยึดเกาะถนนที่ดีเยี่ยมทั้งในทางตรงและทางโค้งเพิ่มความสนุกและความมั่นใจในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองที่คับคั่งหรือการเดินทางไกล  บนทางหลวง

    MG

    รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสูงสุด 3.3 kW พร้อม One Pedal ช่วยให้ขับขี่ได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) และความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System  รอบคันได้แก่

    • เตือนออกนอกเลน LDWS (Lane Departure Warning System)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKA (Lane Keeping Assist)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
    • ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
    • ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
    • ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
    • ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
    • ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
    • เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
    • ช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
    • สัญญาณไฟเบรกกระพริบอัตโนมัติเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน EBLC (Emergency Brake Light Control)

    MG

    นอกจากนี้เสริมอุปกรณ์ความปลอดภัยอาทิจุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยรอบคัน กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor)

    สัญญาณเตือนระยะการจอดรถ กุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)

    ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)

    ป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) สัญญาณไฟแจ้งเตือนเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)

    MG

    MG S5 EV เปิดขายเนปาล 3 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Comfort 49 kWh, Luxury 49 kWh และรุ่น Luxury 62 kWh ในราคาเริ่มต้น Rs.4,399,000-5,499,000 หรือราว 1,065,000-1,329,000 บาท ส่วนเมืองไทยในฐานะประเทศที่ 2 ต่อจากเนปาล เปิดตัวและราคาในวันที่ 25 มีนาคม

    ที่มา Nepaldrives

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts