Mini Countryman John Cooper Works ที่ยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปอยู่ ถึงแม้ว่าทาง BMW ได้เผยรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้าไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยเจเนอเรชั่นที่ 3 มีขุมพลังมากกว่ารุ่นแฮทช์แบ็ก และมีการออกแบบใหม่ทั้งหมด รถขนาดที่ใหญ่ขึ้นจนทางสหรัฐอเมริกาจัดเป็นประเภทรถยนต์ SUV แล้ว
Mini Countryman JCW ในสหรัฐอเมริกา ใช้เครื่องยนต์สี่สูบเทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ALL4 ของแบรนด์ ให้กำลัง 312 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นก่อนหน้ามีกำลัง 301 แรงม้า และแรงบิด 448 นิวตันเมตร
Countryman ใหม่สามารถทำความเร็ว 0 – 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 5.4 วินาที ขณะที่กำลังทำความเร็วสูงสุด 249 กม./ชม. พร้อมเบรกประสิทธิภาพสูง ตกแต่งด้วยสีแดง Chili Red ช่วยให้ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม ยางของรถกว้างขึ้นโดยวัดได้ 245 มิลลิเมตร และพอดีกับขอบล้อขนาด 19 และ 20 นิ้วแบบพิเศษ
ดีไซน์ใหม่ของ Mini มีกระจังหน้าทรงแปดเหลี่ยมสีดำมันวาว ขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED สุดโฉบเฉี่ยว มีตราสัญลักษณ์ที่ออกแบบใหม่โดยใช้สีดำ แดง และขาว เสา C ที่โดดเด่นซึ่งตกแต่งด้วยสี Chilli Red ในขณะที่ไฟท้ายแนวตั้งแบบใหม่เน้นที่ด้านหลัง
จอแสดงผล OLED แบบกลมตั้งอยู่ตรงกลางแดชบอร์ด โดยมีแถวสวิตช์สลับอยู่ด้านล่างเพื่อควบคุมฟังก์ชั่นที่จำเป็นของรถ โทนสีสีแดงและดำประดับแผงหน้าปัด แผงประตู และเบาะนั่งแบบสปอร์ต
Countryman ใหม่จะรองรับการขับขี่ระดับ 2 ผ่านแพ็คเกจ Driving Assistant Professional ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกติดตั้งได้ Mini มีเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัวและกล้องมองภาพรอบทิศทาง 4 ตัว โดยระบบช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถยกมือออกจากพวงมาลัยในบางเส้นทางด้วยความเร็วสูงสุด 60 กม./ชม. จากนั้นระบบจะกำหนดให้ผู้ขับขี่ต้องใส่ใจกับการจราจรและพร้อมที่จะควบคุมรถอีกครั้ง
โหมด Mini Experience เป็นโหมดใหม่ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกได้ผ่านหน้าจอสาระบันเทิง ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกพื้นหลังและเสียงที่เฉพาะเจาะจงเพื่อสร้างบรรยากาศการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์ มีโหมดโกคาร์ทที่จะส่งเสียงเครื่องยนต์ภายในห้องโดยสาร ในขณะที่มินิโปรเจ็กเตอร์ที่ด้านหลังของหน้าจอ OLED สามารถปรับสีแผงหน้าปัดด้วยสีและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์
Mini John Cooper Works Countryman โมเดลปี 2025 มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเจที่แล้ว และตอนนี้ในสหรัฐอเมริกาจัดประเภทเป็น SUV เรียบร้อยแล้ว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 47,895 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.67 ล้านบาท โดยการผลิตสำหรับตลาดอเมริกาจะเริ่มในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะเข้าถึงตัวแทนจำหน่ายในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
Source: Motor1
