นับเป็นค่ายรถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่ที่มีการเติบโตต่อเนื่องตลอดปี 2022 ทำยอดขายสะสมในจีนสูงเกือบ 1 แสนคัน โตขึ้น 176% สำหรับ NETA
และหลังจากเปิดตัวทั้งในไทยและลาวที่ผ่านมาก็ล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการทำตลาดนอกประเทศจีนอย่างจริงจังของ NETA ล่าสุด Mr. Fang Yunzhou (ฝาง หยุนโจว) ผู้ก่อตั้งและประธาน โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล ได้ร่วมกล่าวในงาน CHINA-ASEAN EXPO ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาความต้องการรถยนต์ New Energy เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วปัจจุบันจีนคือผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงานใหม่ที่มีส่วนแบ่งเป็นทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งของโลกเป็นระยะเวลา 7 ปีติดต่อกัน ในเดือนสิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา ส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์พลังงานใหม่ในประเทศจีนมีมากกว่า 28% และคาดว่าอัตราการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของตลาดโลกจะสูงถึง 25% ภายในปี 2025
ทางด้าน NETA เองประสบความสำเร็จและเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน โดยในปี 2021 ได้รับรางวัลแบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศจีน และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 26 เดือนที่ผ่านมา โดยในเดือนสิงหาคม 2022 สามารถรั้งตำแหน่งผู้นำในกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ของจีนหลังยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงถึง 16,017 คัน เติบโตขึ้นขึ้น 142% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยอดขายสะสมตั้งแต่มกราคมถึงสิงหาคม 2022 อยู่ที่ 93,185 คัน เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ยอดขายในเดือนกันยายนนี้ กว่า 20,000 คัน ทั้งนี้ NETA ตั้งเป้าส่งออกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกกว่า 50,000 คัน ภายในปี 2023
สำหรับภูมิภาคอาเซียนนอกจากจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมยานยนต์โลกแล้วยังสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานในระดับสากลของ NETA โดยบริษัทฯ ได้เริ่มแผนขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ภายใต้แผนกลยุทธ์ดังกล่าวประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลกและรายใหญ่ที่สุดของอาเซียนอีกทั้งยังมีนโยบายการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรมถูกวางตำแหน่งให้เป็นศูนย์กลางของการดำเนินธุรกิจของ NETA ในภูมิภาคนี้ โดยร่วมมือกับ อรุณ พลัส (Arun Plus) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100% สร้างโรงงานผลิตรถ NETA ในไทยเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียนจะสามารถเปิดสายพานการผลิตได้ภายในปี 2024
ปัจจุบันสายพานการผลิตของ NETA ในจีนทั้ง NETA V, NETA U PRO และ NETA S ที่เมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกวางสี ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของโรงงาน NETA (อีกสองแห่งที่ มณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซี รวมกำลังการผลิต 150,000 คันต่อปี) ได้ถูกพัฒนาให้เป็นรุ่นพวงมาลัยขวาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคต่างๆ พร้อมกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คัน
เท่ากับว่า NETA พร้อมแล้วที่จะทำตลาดพวงมาลัยขวาในไทยโดยเฉพาะ NETA U PRO เอสยูวีรุ่นหรู หลังจากเปิดตัวที่ลาว ไปแล้วในราคา 639,000,000 กีบ หรือราว 1,489,000 บาท จะเผยตัวจริงอีกครั้งปลายปีนี้ช่วงงาน Motor Expo 2022 ธันวาคม โดยจับตาแล้วว่าเวอร์ชันพวงมาลัยจะมาโชว์ตัวทันหรือไม่? เพราะอาจขายจริงปีหน้า
และล่าสุดจากข้อมูลของ ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า NETA V ลอตแรกได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเกือบ 100 คัน ได้ทยอยผ่านด่านศุลากรที่แหลมฉบังเป็นที่เรียบร้อยได้แจ้งทาง BRG Group ดีลเลอร์ใหญ่ส่งจดหมายแจ้งลูกค้าลอตแรกที่ซื้อในงานมอเตอร์โชว์ช่วงต้นปี ให้เตรียมพร้อมรับรถทั้งหมด 28 คัน มีพิธีส่งมอบในวันที่ 28 กันยายนนี้ที่โชว์รูม BRG ศรีนครินทร์ หลังจากนั้นจะทยอยส่งมอบไปเรื่อยๆโดยล็อตแรกนี้น่าจะได้รถไม่เกินไตรมาสสุดท้ายปีนี้
ถึงแม้ทาง NETA จะยังไม่ได้เซ็น MOU แต่กระบวนการต่าง ๆ โดยเฉพาะการกำหนดราคาผ่านครบถ้วน ดังนั้นราคาจำหน่าย 549,000 บาท คือราคาที่หักเงินอุดหนุนจากทางกรมสรรพสามิตเรียบร้อย ซึ่งดีลเลอร์สามารถขายในราคานี้ได้เลยเพราะทาง NETA ประเทศไทย ซัพพอร์ตส่วนต่างนี้ไว้ทั้งหมดก่อน โดยมียอดจอง NETA V ทั่วประเทศเกือบ 3,000 คัน เหตุที่ล่าช้ามาจากปัญหาเอกสารที่จะใช้ผ่านพิธีการศุลกากร ซึ่งตอนนี้แก้ปัญหาได้หมดแล้วจากเดิมจะมีแต่ปัญหาเรื่องซัพพลายโดยเฉพาะชิป
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
