หลังจากเปิดเผยรายละเอียดเบื้องต้น พร้อมเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าของ Nio Firefly ไปก่อนหน้านี้ ราคาประมาณ 148,800 หยวน หรือ 692,000 บาท ล่าสุดได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายจริงและรายละเอียดเพิ่มเติม เตรียมวางจำหน่ายในจีน เดือนเมษายนนี้
Firefly เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากรูปลักษณ์ภายนอก เริ่มจากไฟวงกลมสามดวงที่มุมทั้งสี่ของรถ ซึ่งสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่น นอกจากนี้ ทั้งไฟหน้าและไฟท้ายยังมีขอบสีดำที่เชื่อมต่อไฟทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อให้ดูเป็นหนึ่งเดียวกัน
เอกลักษณ์ยังคงต่อเนื่องไปที่ รอยหยักเล็กๆ บนชิ้นส่วนตกแต่งด้านล่างใต้ประตู มือจับประตูที่ซ่อนอยู่ และสปอยเลอร์หลังสีดำ ซึ่งหลังนี้ทำให้การออกแบบสะดุดตาอย่างน่าประหลาดใจเมื่อจับคู่กับหลังคาสีดำของรถ
แม้ว่าภาพถ่ายก่อนหน้านี้ของ Firefly จะแสดงให้เห็นรุ่นที่มีล้อแบบ 6 ก้านที่เรียบง่าย แต่ภาพถ่ายใหม่เหล่านี้เผยให้เห็นว่ายังมีรูปแบบของล้อแม็กซ์แบบหลายก้านที่ดูทันสมัยขึ้น แม้ว่าขนาดของล้อจะยังไม่เปิดเผยก็ตาม
แต่ในส่วนของรายละเอียดภายใน ยังไม่ได้เปิดเผยรูปถ่ายอย่างเป็นทางการของ Firefly แต่ดูได้จากภาพก่อนหน้านี้ เผยให้เห็นว่า EV จิ๋วคันนี้ จะมีแผงหน้าปัดดิจิทัลที่ติดตั้งบนคอพวงมาลัย รวมถึงจอแสดงผลข้อมูลความบันเทิงแนวนอนขนาดใหญ่ ซึ่งน่าจะมีขนาด 12.8 นิ้ว เช่นเดียวกับรุ่นอื่นๆ
พร้อมช่องเก็บของด้านหน้ารถ มีความจุขนาด 92 ลิตร ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระจะจุได้ 1,250 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง แต่ไม่ได้พูดถึงพื้นที่เก็บสัมภาระเมื่อพับเบาะหลังขึ้น
ขนาดมิติตัวถัง
- ความยาว 4,003 มม.
- ความกว้าง 1,781 มม.
- ความสูง 1,557 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,615 มม.
ตามที่รายงานก่อนหน้านี้ Firefly จะรองรับเทคโนโลยีเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ Nio ซึ่งทำให้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ ชาร์จ และอัปเกรดได้ แบตเตอรี่ดังกล่าวเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ขนาด 42.1 กิโลวัตต์ชั่วโมงจาก Sunwoda ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 420 กม. ตามเกณฑ์ CLTC
แบตเตอรี่นี้ให้พลังงานแก่มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 140 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ซึ่งคล้ายกับ Honda e ที่ได้รับการกระจายน้ำหนักจากล้อหน้าไปล้อหลังเกือบ 50:50
Daniel Jin ซีอีโอของ Firefly เปิดเผยว่า Firefly ได้รับการออกแบบให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก และจะแข่งขันกับแบรนด์ที่มีชื่อเสียงบางแบรนด์ เช่น Mini และ Smart แม้ว่าจะมีราคาที่จับต้องได้มากกว่าก็ตาม นอกจากนี้ เขายังกล่าวเสริมว่าคาดว่าแบรนด์นี้จะเข้าสู่ตลาดยุโรปในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 ตามด้วยตลาดละตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Source: CarNewsChina