More

    Alphard มีสะเทือน!! Nissan ELGRAND เจนใหม่เปิดตัวแล้ว ลุ้นมาไทย

    สมการรอคอยเมื่อ Nissan ELGRAND เจเนอเรชันที่ 4 เปิดตัวโฉมจริงที่ญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการที่แรกของโลกในงาน Japan Mobility Show 2025 

    Nissan

    เอ็มพีวีหรูท้าชนกับ Toyota ALPHARD/VELLFIRE เป็นการเปิดตัวใหม่หมดครั้งแรกในรอบ 15 ปี ต่อจากเจนที่ 3 ภายใต้รหัส E53

    Nissan

    รูปร่างหน้าตานำดีไซน์บางส่วนของต้นแบบ Nissan Hyper Tourer สื่อถึงตัวถังที่เรียบลื่น มีเส้นสายที่เฉียบคมโอ่อ่ากลมกลืนกับภูมิทัศน์โดยรอบ ด้านข้างตัวรถมาพร้อมกับเส้นแนวทแยงจากด้านหน้าไปยังบังโคลนหลัง เส้นกลางตัวถังทำหน้าที่เป็นไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ เสริมความรู้สึกที่พรีเมียมเหนือระดับ

    หรูด้วยตราชื่อ ELGRAND บนขอบฝากระโปรงหน้า ถัดลงมาเป็นกระจังหน้าได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายแบบคุมิโกะ (Kumiko) ของญี่ปุ่น ผสานเข้ากับเอกลักษณ์ของไฟหน้า ส่วนบนจะเป็นแถบไฟ DRL แบบ LED เส้นสีขาวแนวนอนคาดยาวพร้อมชุดไฟหน้า LED เป็นลายเกล็ดที่ให้ความสว่างชัดมากขึ้นด้านล่างเป็นช่องระบายอากาศสีดำในชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ตชิ้นเดียวกับกระจังหน้า พร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED

    Nissan

    Nissan

    ด้านข้างมาพร้อมหลังคาซันรูฟแบบคู่ หลังคารถรูปทรงเป็นหนึงเดียว คิ้วขอบกระจกแนวโครเมียมตกแต่งสีตามตัวรถ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวทรงสปูน ที่เปิดประตูดึงก้าน พร้อมประตูสไลด์ 2 ฝั่ง เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า คิ้วชายล่างกลมกลืนกับล้ออัลลลอยสีดำเข้มขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/60R18 ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED แนวยาวพาดฝาท้ายบ่งบอกถึงความสง่างามลักชัวรีพร้อมสปอยเลอร์หลังทั้งชิ้นกลมกลืนกับฝาท้ายอย่างลงตัวและเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

    เมื่อเทียบกับ ELGRAND เจนที่แล้วรหัส E52 พบว่าเจนใหม่ยาวกว่าเดิม 30 มิลลิเมตร กว้างกว่าเดิม 45 มิลลิเมตร สูงกว่าเดิม 160 มิลลิเมตร และเทียบกับ ALPHARD/VELLFIRE พบว่าเจนใหม่ยาวเท่ากันแต่ความกว้างๆกว่า ALPHARD  45 มิลลิเมตร สูงกว่ากว่า ALPHARD 40 มิลลิเมตร โดยมีมิติดังนี้

    • ความยาวตั้งแต่ 4,995 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,895 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,975 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร

    NissanNissan

    Nissan

    ภายในห้องโดยสารมอบบรรยากาศระดับพรีเมียมแบบเลานจ์ 7 ที่นั่ง ผู้โดยสารแถว 2 จะได้ดื่มด่ำกับความสบายของเบาะ Captain Seat แบบ Zero Gravity รวมถึงการใข้ TailorFit™ ซึ่งเป็นวัสดุสังเคราะห์ชนิดใหม่ที่มีความทนทานสูงและให้สัมผัสคล้ายกับหนัง NAPPA พร้อมการตกแต่งด้วยหนังสังเคราะห์ ลายไม้โรสวูด พร้อมลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคุมิโกะบนแผงประตูและเบาะนั่ง ยกระดับประสบการณ์การเดินทางไปอีกขั้นด้วยการตกแต่งสีม่วงและสีน้ำเงิน สะท้อนถึงความสง่างามอันมีชีวิตชีวาในสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น

    Nissan

    Nissan

    Nissanเสริมความสมบูรณ์แบบด้วยจอแสดงผลคู่ขนาดใหญ่ 14.3 นิ้ว รุ่นแรกในเซกเมนต์ ที่ผสานข้อมูลผู้ขับขี่ และระบบอินโฟเทนเมนต์เข้าด้วยกัน พร้อมจอคู่หลังพนักพิงศีรษะด้านหน้าขนาด 12.8 นิ้ว นอกจ่ากนี้ยังเสริมความหรูหราด้วยระบบเสียงระดับพรีเมียมจาก Bose® พร้อมลำโพง 22 ตัว ให้คุณเพลิดเพลินกับเสียงเซอร์ราวด์ 3 มิติอันสมจริง และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร Ambient Light ที่ปรับได้ถึง 64 สี ส่องสว่างอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แผงหน้าปัดไปจนถึงประตู มอบความรู้สึกโอบล้อมผู้โดยสาร

    มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ climate control พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง เบรกมือไฟฟ้ากับ auto-hold ช่องเสียบ USB Type-C

    Nissan

    ขุมพลังใหม่ e-Power เจเนอเรชันที่ 3 โดดเด่นด้วยเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ และระบบขับเคลื่อนกำลังไฟฟ้าเป็นโมดูลาร์แบบ 5-in-1 เพื่อสมรรถนะที่เหนือกว่า ให้การทำงานที่เงียบยิ่งขึ้น และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น

    5-in-1 เป็นส่วนประกอบหลัก 5 อย่างที่พัฒนาขึ้นใหม่ ได้แก่ มอเตอร์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเจเนเรเตอร์ อินเวอร์เตอร์ ตัวลดรอบ และระบบเกียร์ ไว้ในตัวเครื่องขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาโดยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรพัฒนาใหม่ด้วยการใช้แนวคิดการเผาไหม้ STARC ทำให้สามารถรักษาเสถียรภาพของการเผาไหม้ภายในกระบอกสูบและประสิทธิภาพความร้อนได้ถึง 42%

    เครื่องทำงานได้เงียบและมีประสิทธิภาพแม้ที่ความเร็วต่ำ ยังใช้เทอร์โบลูกใหม่ขนาดใหญ่และอัตราส่วนการลดรอบสุดท้ายเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด จึงสามารถลดความเร็วรอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วสูงได้ประมาณ 200 รอบต่อนาที การบำรุงรักษาตามระยะทางด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องยืดอายุการใช้งานมากขึ้นเป็นทุกๆ 20,000 กิโลเมตร (เดิม 15,000 กิโลเมตร) และยังใช้น้ำมันเครื่องเกรด 0W16 ช่วยลดแรงเสียดทานของเครื่องยนต์

    Nissan

    กับรหัสใหม่ ZR15DDTe VC-Turbo 3 สูบ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และชุดแบตเตอรี่ มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า e-4ORCE ปรับปรุงใหม่ล่าสุด ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบการควบคุม และให้เสถียรภาพในการขับขี่ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นในทุกสภาพถนน แรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลังช่วยลดการส่ายของรถขณะเร่ง และลดความเร็ว มอบการขับขี่ที่นุ่มนวล และสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสาร รวมถึงลดโอกาสการเกิดอาการเมารถของผู้โดยสาร พร้อมการขับขี่ 6 โหมด

    สำหรับผู้ขับขี่ ระบบจะใช้ประโยชน์จากแรงบิดของมอเตอร์ด้านหลังขณะเข้าโค้ง เพื่อมอบประสบการณ์ที่สนุกสนาน และเร้าใจยิ่งขึ้น ระบบช่วงล่างอัจฉริยะแบบไดนามิก หรือ Intelligent Dynamic Suspension สามารถช่วยลดการโคลงของตัวถัง และรักษาตำแหน่งการทรงตัวให้คงที่ เสริมให้การขับขี่นุ่มนวล

    มาพร้อมกับระบบ ProPILOT รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รองรับการควบคุมรถโดยไม่ต้องใช้มือเมื่อความเร็วต่ำกว่า 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีระบบ ProPILOT 2.0 ที่มาพร้อมระบบช่วยขับขี่บนทางหลวงแบบแฮนด์ฟรี และระบบช่วยเปลี่ยนช่องจราจร ช่วยให้การเดินทางระยะไกลสะดวกสบาย และเพลิดเพลินยิ่งขึ้น

    Nissan

    Nissan ELGRAND เจนใหม่เผยโฉมจริงที่งาน Japan Mobility Show 2025 ที่โตเกียวบิ๊กไซต์ ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม- 9 พฤศจิกายน 2025 ขายจริงช่วงกลางปี 2026 (เดือนมิถุนายน-สิงหาคม) และมีแนวโน้มที่จะขายไทย

    ที่มา Nissan

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts