พึ่งจะเปิดตัวรุ่นปรับปรุงใหม่ MY2022 ในไทยได้ไม่นานสำหรับ Nissan Kicks e-Power เอสยูวีเล็กที่เปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้าที่แรงกว่าเดิม
ส่งผลให้มียอดขายสูงกว่าเดิม 1,000 คันในช่วงเวลา 10 วันของการเปิดตัว ล่าสุดที่ญี่ปุ่นเปิดตัว Nissan Kicks e-Power MY2022 ปรับใหม่ทุกอย่างเหมือนสเปกไทยตั้งแต่กระจังหน้าแบบ V-motion พร้อมตราโลโก้ Nissan ไฟหน้า LED ประกอบด้วยไฟเลี้ยว Signature Light ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL ไฟตัดหมอกหน้า LED กันชนหน้าออกแบบให้สปอร์ตขึ้นและไฟท้าย LED ทรงบูมเมอแรงพร้อม วัสดุตกแต่งประตูท้ายใหม่สีแดงคล้ายแผงทับทิม Rear Finisher Panel ลงตัวและเสาอากาศครีบฉลามและล้ออัลลอยลายเดิมขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/55R17
ส่วนรุ่น Autech เหมือนเดิมทั้ง สีหลังคาดำเงา และการออกแบบแนวเส้นหลังคาแบบทรงลอยตัว (floating roof line) เสริมให้รูปลักษณ์ภายนอกมีพลัง และความแกร่ง เติมความสปอร์ต รับกับชุดสเกิร์ตรอบคัน สีเงินเมทัลลิค ทำให้ดูโฉบเฉี่ยว กระจกมองข้างสีเงินเมทัลลิคพร้อมไฟเลี้ยว LED และล้ออัลลอยดีไซน์สีดำเงาขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 205/55R17 เพิ่มความทันสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมไฟท้ายแบบ LED ทรงบูมเมอแรง และวัสดุตกแต่งประตูท้ายใหม่ Rear Finisher Panel แต่มีบางอย่างที่ต่างจากสเปกไทยตรงที่ เพิ่มสีเขียวขี้มามาแทนสีเหลือง
ภายในนั้นเหมือนกันทั้งหมดยกเว้นจอสัมผัสพ่วงระบบความบันเทิงเป็นแบบ 9 นิ้ว ไทย 8 นิ้ว เชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay Bluetooth, USB และ AUX-IN พร้อมระบบนำทาง ในตัว และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) พร้อมกับลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT อัจฉริยะขนาด 7 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ และเพิ่มฟังก์ชันแสดงสถานะไฟเบรกระหว่างใช้ระบบ e-Pedal Step คอนโซลกลางใหม่ ติดตั้งหัวเกียร์ดีไซน์ใหม่ทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เปียโน แบล็ก พวงมาลัยสปอร์ตหุ้มด้วยหนังแท้แบบมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape สามก้านปรับสูงต่ำได้ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key I-Key) พร้อมทั้งระบบ Immobilizer ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button)
นอกจากนี้ยังเพิ่มวัสดุบุนุ่มภายในถึง 3 จุด คือที่เท้าแขนตรงคอนโซลกลาง ขอบเบาะนั่ง และช่องเก็บของด้านหน้า เพิ่มขนาดพื้นที่วางแก้วน้ำตอนหน้า 2 ตำแหน่ง ที่สามารถปรับระดับ รองรับแก้วทรงสูงที่มีขนาดใหญ่ และแก้วกาแฟร้อนทรงเตี้ยได้เป็นอย่างดี และเลือกสีภายในได้สี่สีทั้งสีดำ,น้ำตาล,เบจ,ส้ม
รุ่น Autech ภายในออกแบบด้วยโทนสีดำ ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน สอดคล้องกับคอนโซลหน้า ขณะที่คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ เดินด้ายสีน้ำเงินที่ตัดกันอย่างลงตัว เสริมด้วยวัสดุสีดำเงา เปียโน แบล็ก ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ต
ขุมพลังใหม่ e-POWER เจเนอเรชั่นที่ 2 ด้วยขุมพลังเดิมเครื่องยนต์เบนซิน HR12 DE 1.2 ลิตร e-Power พัฒนาทั้งชุดแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นโดยให้แรงม้า ถึง 82 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 103 นิวตันเมตร ที่ 4,800 รอบ/นาที จับคู่กับชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 2.06 kWh มีจำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ พ่วงเข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้ารหัส EM47 AC3 Synchronous Motor ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 136 แรงม้าที่ 3,410-9,697 รอบ/นาที เพิ่มแรงบิดเป็น 280 นิวตันเมตรที่ 0-3,410 รอบ/นาทีในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อแรงม้าแรงบิดเท่ากันมอเตอร์ล้อหน้าอันเดียวกันแต่งานนี้เพิ่มมอเตอร์หลัง MM48 AC3 Synchronous Motor ให้พลัง 68 แรงม้าที่ 4,775-10,259 รอบ/นาที แรงบิด 100 นิวตันเมตรที่ 0-4,775 รอบ/นาที ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 204 แรงม้าที่ 8,185-19,956 รอบ/นาที เพิ่มแรงบิดเป็น 380 นิวตันเมตรที่ 0-8,185 รอบ/นาที แถมลดขนาดถังน้ำมันในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อเป็น 35 ลิตร (ขับเคลื่อนสองล้อ 41 ลิตร)
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Speed Gear Reduction พร้อมโหมดการขับ Normal, S, Eco, และ EV ให้พละกำลังให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร่งเร็ว โดยได้รวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ไว้เป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้ส่วนของ Inverter มีขนาดเล็กลง 40% น้ำหนักลดลง 30% มาพร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal step ที่ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เสริมความมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงและช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงรอบคัน Nissan 360° Safety Shield
Nissan Kicks e-Power MY2022 สเปกญี่ปุ่น นำเข้าจากเมืองไทย มีจำหน่ายทั้งหมด 8 รุ่นย่อย 3 เกรดความหรูตั้งแต่รุ่นถูก X, X Two Tone และ X Style Edition ในราคาเริ่มต้น 2,798,400-3,281,300 Yen หรือราว 746,000-874,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย) และรุ่น Autech 2 รุ่นย่อย เริ่ม 3,185,600- 3,448,500 Yen หรือราว 849,000- 919,000 บาท (ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย)