นอกจากจะเพิ่มรุ่น e-Power ขับเคลื่อน 4 ล้อแล้วทางด้านรุ่นแต่ง AUTECH เปิดตัวรุ่นใหม่เน้นความสปอร์ตจริงจังกับ Nissan Serena AUTECH SPORTS SPEC ตกแต่งเร้าใจกว่ารุ่น AUTECH ปกติ
ภายนอก Exterior
หล่อสปอร์ตทั้งคันด้วยชุดแต่ง AUTECH ทั้งคันเริ่มที่ กระจังหน้ารูปตัววี หรือ V-Motion แบบเกล็ดขนาดใหญ่รวมถึงชุดกันชนหน้าใหม่เสริมชุดแต่งกันชนหน้าทั้งคิ้วชายล่างตรงกลางตกแต่งสีเงินพร้อม ไฟเลี้ยว LED sequential turn lamps สีฟ้าเข้มสองฝั่ง ออกแบบเส้นนอนซ้าย-ขวา หลังคาดำ
กระจกมองข้างทรงสปูนสีเงิน คิ้วสีเงินบริเวญสเกิร์ตข้างทรงสีเดียวกับตัวรถ กันชนท้ายตั้งตกแต่งสีเดียวกับตัวรถพร้อมคิ้วสีเงินใต้กันชนหลัง ล้ออัลลอยลายพิเศษ ขนาด 17 นิ้วพร้อมยาง 215/55ZR17 จาก MICHELIN PILOT SPORT 5 และสัญลักษณ์ AUTECH ในกระจังหน้าและฝาท้าย
พร้อมออปชันเดิมทั้งกระจังหน้ารูปตัววีดีไซน์เรียบง่ายพร้อมโลโก้ Nissan ไฟหน้า LED สามดวงแนวตั้งพร้อมปักชื่อ Serena บนขอบไฟหน้า มีไฟ DRL แบบ LED ชุดกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้าดวงเล็กแบบ LED ที่เปิดประตูโครเมียมพร้อมประตูสไลด์เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าด้วยการแกว่งเท้าใต้ท้องรถ เสา A มีกระจกขนาดเล็กแบบเดียวกับเจนที่แล้วครอบสีดำ ที่ครอบทับฝาท้ายส่วนบนกระจกท้ายเสา C กับ D แบบตัววี
ฝาท้ายแบบ DUAL BACK DOOR เปิดได้ 2 ส่วนทั้ง ครึ่งบานส่วนบนและทั้งบานเต็มๆ ติดตั้งคิ้วเล็กสีดำปะชื่อ Serena คิ้วใหญ่กรอบป้ายทะเบียนโครเมียม ติดตั้งกันชนหลังแผงทับทิมแนวตั้งและสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ ไฟท้าย LED แนวตั้งแบบ Boomerang ตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่
- ความยาว 4,810 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,725 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,865 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,820 กิโลกรัม
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 52 ลิตร
ภายใน Interior
ภายในพิเศษด้วยโทนสีดำตกแต่งด้วยสีน้ำเงินสอดคล้องกับคอนโซลหน้ากับคอนโซลกลางแผงประตู และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำเดินด้ายสีน้ำเงิน เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำเดินด้ายสีน้ำเงินที่ตัดกันอย่างลงตัว เสริมด้วยวัสดุสีดำ ช่วยเพิ่มอารมณ์สปอร์ตด้วยปักและติดตรา AUTECH
เสริมหรูด้วยชุดเบาะนั่ง 7 ที่นั่ง 2+2+3 เบาะนั่งปรับสูงต่ำได้แบบ Zero Gravity พร้อมเบาะนั่งตอนที่ 2 แบบ Captain Seats สามารถเลื่อนได้ เบาะนั่งตอนที่ 3 พับแบบ 50:50 แขวนบนเสา D ที่วางแก้วมากถึง 17 จุด แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ที่ต่างจากเจนที่แล้ว กับมาตรวัดขนาดใหญ่พร้อมจอ MID ขนาด 12.3 นิ้ว
จอ Touch Screen ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับระบบความบันเทิง Infotainment รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto กับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน เครื่องปรับอากาศปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวา ด้านหลังแบบ Triple Zone ปุ่มเกียร์อัตโนมัติในตัว ที่ชาร์จมือถือไร้สาย ปุ่ม Push Start และช่องเสียบ USB Type C
สมรรถนะ Performance
ขุมพลังเปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์เบนซิน e-Power รหัส HR14Dde ที่พัฒนาจาก HR12DE มาขยายความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชักยาวขึ้นเป็น 78.0 x 100.0 มิลลิเมตร (เดิม 78.0 x 83.6 มิลลิเมตร) ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลังถึงให้กำลังถึง 98 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์
จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น EM 57 Synchronous Motor และแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ขนาด 1.769 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังรวมสูงสุด 163 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที ขับเคลื่อนล้อหน้า มาพร้อมระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกัน จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction พร้อม 3 โหมดการขับขี่ ECO, Standard, Sport
พร้อมความพิเศษด้วยปรับปรุงในส่วนระบบกันสะเทือนปรับในส่วนโช้คอัพ สปริง ติดตั้งแดมป์เปอร์ที่พัฒนาร่วมกับ YAMAHA พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าเซตใหม่เพิ่มความเร้าใจในการขับขี่มากขึ้น ในขณะที่ฉนวนกันเสียงปรับปรุงใหม่ทำให้ภาพรวมการขับขี่ที่เสถียรและให้ผู้โดยสารที่นั่งด้านหลังได้รับประสบการณ์การเดินทางที่ดี นอกจากนี้ การใช้คอมพิวเตอร์ปรับแต่งขุมพลังทำให้ความรู้สึกในการเร่งความเร็วที่ทรงพลังและน่าพึงพอใจยิ่งขึ้น
ความปลอดภัย Safety
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control–ICC)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist -LKA)
- แจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ (Lane Departure Warning -LDW)
- ช่วยป้องกันรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Prevention -LDP)
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor–IAVM) ทำงานร่วมกับเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection–MOD) พร้อมกล้องมองหลัง
- เตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning–IFCW)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking–IEB) พร้อมตรวจจับคนเดิน และคนปั่นจักรยาน
- ป้องกันการชนจากจุดอับสายตาอัจฉริยะ (Intelligent Blind Spot Intervention – IBSI)
- เตือนมุมอับสายตา ( Blind Spot Warning – BSW)
- เตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert–RCTA)
- กระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror-IRVM)
- ปรับไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist-HBA)
- เตือนการขับขี่เมื่อยล้าอัจฉริยะ (Intelligent Driver Attention Alert-IDAA)
- ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist–HSA)
- ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control–VDC)
- ถุงลมนิรภัย SRS รอบคัน 6 จุด
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts)
- เบรก ABS, EBD, BA และดิสก์เบรก 4 ล้อ
- ไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
พร้อมระบบ ProPILOT 2.0 หรือระบบช่วยขับกึ่งอัตโนมัติ ระบบช่วยบังคับเลี้ยวเพื่อหลีกเลี่ยงการชน” ควบคุมการบังคับเลี้ยวของผู้ขับขี่เมื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางด้านหน้า และ ProPILOT Parking พ่วงระบบหน่วยความจำที่สามารถบันทึกตำแหน่งที่จอดรถเมื่อจอดรถแล้ว และ Propilot Remote Parking ช่วยให้รถสามารถเข้าและออกได้ด้วยรีโมทคอนโทรล สามารถเข้าและออกจากพื้นที่จอดรถที่แคบๆแบบสบายๆ
Nissan Serena MY2025 รุ่น AUTECH SPORTS SPEC ดัดแปลงจากรุ่น e-POWER Highway Star V ขายญี่ปุ่นในราคาเริ่มต้น 4,386,800 YEN หรือราว 989,000 บาท เป็นราคาไม่รวมภาษีนำเข้าของไทยแต่ถ้ารวมภาษีนำเข้าเข้าไปราคาจะอยู่ที่ 2,845,000 บาทมีกำหนดวางจำหน่ายในช่วงต้นเดือนธันวาคม
ที่มา Carwatch