Nissan ส่ง Nissan Serena e-Power รหัส C28 มาขายอย่างเป็นทางการโดยขายคู่กับ Serena S-Hybrid รหัส C27 ที่งาน Motor Show 2025
Nissan Serena e-Power เจเนอเรชันที่ 6 ในรหัส C28 เปิดตัวที่ญี่ปุ่นตั้งแต่พฤศจิกายนปี 2022 ส่งไปขายในกลุ่มอาเซียนบางประเทศ
ด้วยดีไซน์ทรงกล่องหน้าหล่อสปอร์ตทั้งคันด้วยกระจังหน้ารูปตัววี Next Generation V-Motion ดีไซน์เรียบง่ายพร้อมโลโก้ Nissan ไฟหน้า LED สามดวงแนวตั้งพร้อมปักชื่อ Serena บนขอบไฟหน้า มีไฟ DRL แบบ LED ชุดกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้าดวงเล็กแบบ LED ชุดแต่งสีดำให้เลือกในตำแหน่งหลังคารถและกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ด้านข้าง ที่ช่วยลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง กระจกรอบคันขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง กระจกบานหน้า และหน้าต่างประตูคู่หน้า เป็นแบบ Acoustic Glass หนา 2 ชั้น ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่เปิดประตูโครเมียมพร้อมประตูสไลด์เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าด้วยการแกว่งเท้าใต้ท้องรถเสา A มีกระจกขนาดเล็กแบบเดียวกับเจนที่แล้วครอบสีดำ ที่ครอบทับฝาท้ายส่วนบนกระจกท้ายเสา C กับ D แบบตัววี
ฝาท้ายแบบ DUAL BACK DOOR เปิดได้ 2 ส่วนทั้งครึ่งบานส่วนบนและทั้งบานเต็มๆ ติดตั้งคิ้วเล็กสีดำปะชื่อ Serena คิ้วใหญ่กรอบป้ายทะเบียนโครเมียม ติดตั้งกันชนหลังแผงทับทิมแนวตั้งและสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ไฟท้าย LED แนวตั้งแบบ Boomerang และล้ออัลลอยทูโทนขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 205/65 R16 ตัวรถใหญ่ขึ้นตั้งแต่
- ความยาว 4,765 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,715 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,870 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 2,870 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 1,810 กิโลกรัม
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 52 ลิตร
ภายในทันสมัยสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนยุคดิจิทัลมากขึ้น ด้วยหน้าจอ TFT 12.3 นิ้ว ความละเอียดสูงให้ภาพคมชัด พร้อมกราฟิกเคลื่อนไหว 3 มิติ สามารถเลือกการแสดงผลหน้าจอตามต้องการ การออกแบบอุปกรณ์ และปุ่มกดต่างๆ บนแผงหน้าปัดคำนึงถึงการใช้งานที่สะดวก เอื้อมถึงได้ง่าย และปลอดภัยไปในตัว
นอกจากนี้ หน้าจอทัชสกรีน 12.3 นิ้ว เลือกแสดงผลเป็นภาษาไทยได้ พร้อมระบบ NissanConnect ยังรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และลำโพง 6 จุด
รวมทั้งยังมีปุ่ม Camera สำหรับระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitoring : IAVM) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรอบตัวรถครบทุกทิศทาง เพิ่มความปลอดภัยขณะจอดหรือเคลื่อนตัวในช่วงความเร็วต่ำ
เบาะนั่งหุ้มหนังสีดำทั้ง 3 แถวที่ใช้โครงสร้าง Zero Gravity นั่งสบายแม้เดินทางไกล เบาะแถว 2 แบบ Captain Seat สามารถปรับแยกได้อย่างอิสระ พร้อมโต๊ะอเนกประสงค์แบบพับได้ ส่วนเบาะแถว 3 สามารถปรับเอน และพับเก็บได้ ปรับที่นั่งได้ถึง 13 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโหมดขนกระเป๋า โหมดเพิ่มพื้นที่ ช่วงขา โหมดปรับเบาะแถว 2 และ 3 ราบเป็นห้องนั่งเล่น ตอบโจทย์ทุกความต้องการของครอบครัว
ภายในยังเพิ่มความสะดวกสบายมากมาย อาทิ พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่พร้อมช่องเก็บของใต้พื้นที่ด้านหลัง ที่วางแก้วมากถึง 17 จุด ช่องชาร์จ USB-C ทุกแถวที่นั่ง รวมทั้งยังมีช่องชาร์จแบบ Type A ในที่นั่งแถวหน้า และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย อีกทั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 3 โซน พร้อมระบบฟอกอากาศ Plasmacluster ที่ช่วยลดฝุ่น PM2.5 ภายในห้องโดยสารได้อีกด้วย
หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่เสริมประสบการณ์ในการขับขี่ ให้สะดวกสบาย และง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่ ปุ่มกดสำหรับเลือกตำแหน่งเกียร์ ที่ให้ผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ด้วยการกดปุ่มแทนการปรับคันเกียร์ ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่าย สะอาดตา ใช้งานง่าย มีไฟเรืองแสงช่วยให้เห็นชัดเจนแม้อยู่ในที่มืด รวมถึง N Hold Mode ที่ทำให้สามารถเข็นรถได้ง่าย ให้ความสะดวกเมื่อต้องจอดซ้อนคัน รวมถึง เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Brake Hold ที่เสริมความสะดวกในการใช้งาน
ขุมพลังเปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้าด้วยเครื่องยนต์เบนซิน e-Power รหัส HR14Dde ขนาด 1.4 ลิตร ให้กำลังถึง 98 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 5,600 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้ารุ่น EM 57 Synchronous Motor ให้กำลังรวมสูงสุด 163 แรงม้าที่ 3,700-8,600 รอบต่อนาที แรงบิด 315 นิวตันเมตรที่ 0-3,600 รอบต่อนาที และแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ขนาด 1.77 kWh
รองรับน้ำมัน E10 โดยพัฒนามาสำหรับเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ โดยตรง ให้ประสิทธิภาพสูงในการสร้างกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Mirror Bore Coating ที่ช่วยลดแรงเสียดทาน และลดเสียงจากการสั่นสะเทือน ส่งผลให้เครื่องยนต์เดินได้เรียบ และเงียบมากขึ้น ทำให้การเดินทางที่ราบรื่น นุ่มนวล มีเสียงรบกวนจากภายนอกน้อย และให้ความเงียบในห้องโดยสารเงียบกว่ารถยนต์เครื่องสันดาปภายในแบบเดิม
มาพร้อมระบบคันเร่งอัจฉริยะ อี-เพดัล สเต็ป (e-Pedal Step) ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกเปิดการใช้งานระบบนี้ได้อย่างอิสระตามต้องการ ให้ความสะดวกในการเร่ง และชะลอความเร็วได้ในคันเร่งเดียว สะดวกสบายเมื่อต้องขับขี่ในเมือง หรือในช่วงการจราจรคับคั่ง ในขณะเดียวกันการขับขี่ด้วย อี-เพดัล สเต็ป สามารถช่วยเพิ่มการฟื้นฟูพลังงานด้วยการชาร์จกระแสไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ได้ดีมากยิ่งขึ้น
มีรูปแบบการขับขี่ 3 โหมดหลัก ได้แก่ Standard mode ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัด, Sport mode ที่เน้นการตอบสนองรวดเร็ว ขับสนุกสไตล์สปอร์ต และ Eco Mode ที่เน้นการประหยัดพลังงาน ให้การขับขี่นุ่มนวล โดยมี ฟังก์ชัน B ที่เพิ่มแรงหน่วง หรือ ช่วยเบรก และเพิ่มการฟื้นฟูพลังงาน หรือ Regenerative รวมถึง EV mode ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ สัมผัสถึงความเงียบและอีกขั้นของความประหยัด และความปลอดภัย Nissan Safety Shield 360 ทั้ง
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control–ICC)
- เตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning–IFCW)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking–IEB)
- สัญญาณแจ้งหยุดฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน (Emergency Stop Signal – ESS)
- เตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW)
- ป้องกันการชนจากจุดอับสายตาอัจฉริยะ (Intelligent Blind Spot Intervention – IBSI)
- เตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert–RCTA)
- แจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ (Lane Departure Warning -LDW)
- ควบคุมรถเมื่อออกนอกช่องทาง (Intelligent Lane Intervention – ILI)
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor–IAVM) พร้อมเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน (Moving Object Detection–MOD)
- เตือนการขับขี่เมื่อยล้าอัจฉริยะ (Intelligent Driver Attention Alert-IDAA)
- เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist-HBA)
- กระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror-IRVM)
ช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist–HSA) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control–VDC) ถุงลมนิรภัย SRS รอบคัน 6 จุด เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts)
เบรก ABS, EBD, BA และดิสก์เบรก 4 ล้อ ไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก ISOFIX & Child Anchor สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง เสียงเตือนคนเดินถนน VSP (Vehicle Sound for Pedestrian) ล็อกรถอัตโนมัติ Walk-Away Door Lock พร้อมปลดล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทเข้าใกล้ตัวรถ Approach Unlock
Nissan Serena e-Power ขายรุ่นเดียวคือรุ่น Highway Star มีสีตัวถังภายนอกให้เลือก 6 สี* ได้แก่ สีฟ้าเทอร์ควอยซ์บลู หลังคาดำ สีขาวปริซึมไวท์ หลังคาดำ สีขาวปริซึมไวท์ สีดำไดมอนด์แบล็ค สีเทากันเมทาลิก และสีเงินบริลเลียนท์ ซิลเวอร์ ในราคา 1,690,000 บาท
พร้อมการรับประกันตัวรถ 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร การรับประกันระบบขับเคลื่อน อี-พาวเวอร์ นาน 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 10 ปี สำหรับแบตเตอรี่กำลังสูงในระบบ อี-พาวเวอร์ โดยไม่จำกัดระยะทาง
* สีฟ้าเทอร์ควอยซ์บลูหลังคาดำ และ สีขาวปริซึมไวท์หลังคาดำ เพิ่ม 20,000- บาท สีขาวปริซึมไวท์ เพิ่ม 12,000 บาท