More

    OMODA C9 เอสยูวีหรูพวงมาลัยขวาเผยแอฟริกาที่แรกของโลก 11 ตุลาคม

    แอฟริกาใต้อาจเป็นที่แรกของโลกเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของค่าย OMODA ในเครือ CHERY กับ OMODA C9 เอสยูวีรุ่นเรือธงของค่ายและอาจตัดหน้าประเทศออสเตรเลีย

    ภายนอก Exterior

    OMODA

    เป็นที่ทราบกันดีว่า OMODA C9 นำพื้นฐานของเอสยูวีรุ่นเด่นจากค่ายอื่นๆในเครือ CHERY มาแปะตรา OMODA ปรับดีไซน์เล็กน้อยให้เข้าจริตของตลาดโลกอย่างเช่นคันนี้นำพื้นฐานจาก EXEED YAOGUANG หรือ EXEED RX ที่เปิดตัวจีนเมื่อปี 2022 และขายต่างประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง

    หน้าตายุคใหม่ตั้งแต่กระจังหน้าทรงทึบติดตรา OMODA ทูโทนโครเมียมสลับกับสีดำเข้มคู่กับไฟหน้า LED พร้อมไฟส่อง DRL แบบ LED รูปเลขเจ็ดในโคมเดียวกัน รับกับกันชนหน้าดีไซน์เด่นเล่นระดับพร้อมช่องระบายอากาศทรงสีเหลี่ยมลายเกร็ด 3 มิติ และใต้ช่องป้ายทะเบียนด้านหน้าสีดำพร้อมคิ้วชายล่างกันชนสีเงิน

    ด้านข้างมาพร้อมหลังคารถออกแบบลาดลงอย่างเฉียบขาดพร้อมราวหลังคาทรงบิ๊วอินน์กลมกลืนกับหลังคาและพาโนรามิกซีนรูฟ ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังรถ กระจกมองข้างทรงสปูน คิ้วสีเงินเสริมหล่อติดบริเวณประตูรถคู่หน้าและบังโคลนหน้า กระจกตรงเสา D ดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ คิ้วขอบล้อสีดำเข้ม ผสานกับคิ้วชายล่างประตู โทนสีดำผสมสีเดียวกับตัวรถ

    ไฟท้าย LED แนวยาวประดับด้วยตัวอักษร OMODA ประกบด้วยกันชนหลังทรงหรูด้วยตัวรถที่ใหญ่กว่าพร้อมไฟทับทิมแนวตั้งพร้อมคิ้วเสริมกันชนหลังสีเงินเส้นเล็กในชุดลิ้นสปอยเลอร์กันชนหลังเสริมหล่อเสริมหรู ประตูท้ายไฟฟ้าแบบ powered tailgate พร้อมล้ออัลลอยเลือกได้ทั้งขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 235/55 R19 กับ 20 นิ้วพร้อมยาง 245/50 R20 ตัวรถใหญ่แบบทรงกล่องหลังคาลาดไซซ์กลางตั้งแต่

    • ความยาว 4,781 มิลลิเมตร
    • ความกว้าง 1,920 มิลลิเมตร
    • ความสูง 1,671 มิลลิเมตร
    • ระยะฐานล้อ 2,815 มิลลิเมตร
    • น้ำหนักรถ 1,701-1,783 กิโลกรัมในรุ่น 2.0 T
    • น้ำหนักรถ  1,977-2,171 กิโลกรัมในรุ่นปลั๊กอินไฮบริด
    • ความจุถังน้ำมัน 65 ลิตรในรุ่น 2.0T
    • ความจุถังน้ำมัน 70 ลิตรในรุ่นปลั๊กอินไฮบริด

    ภายใน Interior

    OMODAภายในล้ำอนาคตมาแบบ 5 ที่นั่ง พร้อมพื้นที่ด้านท้ายถึง 660 ลิตรกรฯณีไม่พับเบาะและพับเบาะแบบ 60/40 มีพื้นที่มากถึง 1,783 ลิตร คอนโซลหน้าพร้อมช่องแอร์ทรงเหลี่ยมดูหรูหรา เด่นด้วยจอคู่บอกทั้งความเร็วรถกับจอระบบความบันเทิงเชื่อมต่อการสื่อสารทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ทั้งหมด 24.6 นิ้ว พร้อมชิปประมวลผลจาก Qualcomm Snapdragon 8155

    พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 2 ก้านทรงท้ายตัดแบบ Multi-Kinetic Flat-Bottom ปะตัวอักษร JAECOO ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารหรือ Ambient Light มากถึง 64 สี จอแสดงผลบนกระจกหน้า AR-HUD 50 นิ้ว และที่ชาร์จมือถือไร้สายกำลัง 50 W ลำโพงคุณภาพจาก SONY  14 จุด เครื่องปรับอากาศแยกส่วนอุณหภูมิซ้าย-ขวา กันฝุ่น PM 2.5 เบรกมือไฟฟ้า พร้อม Auto Hold ปุ่ม Push Start พร้อมกุญแจรีโมท Keyless Entry

    สมรรถนะ Performance

    OMODA

    ขุมพลังมาทั้งแบบเบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตร Acteco รหัส F4J20C แรงสุด 261 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาที คู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ DCT 7 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดจาก AISIN พร้อมการขับขี่อัจฉริยะ 7 โหมด ทั้ง ECO, Standard, Sports, Snow, MUD, Sand และ Off Road และขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้เลือก

    นอกจากนี้ยังมีรุ่นปลั๊กอินไฮบริดด้วยเบนซินเทอร์โบ Kunpeng ขนาด 1.5 ลิตร รหัส SQRE4T15C ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิด 220 นิวตันเมตรที่ 1,750-4,000 รอบต่อนาทีวิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าและเครื่องยนต์ทำได้ 1,400 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งให้เลือกทั้ง

    เริ่มที่รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า Standard มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว Dual Motor พร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 19.43 kWh ให้กำลังสูงสุด 224 แรงม้า แรงบิด 390 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 381 แรงม้า แรงบิด 610 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน CLTC หรือ 84 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC และกระแสตรง DC จาก 30-80% ในเวลาเพียง 18 นาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    OMODA

    รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า Extended มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว Dual Motor พร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 34.46 kWh ให้กำลังสูงสุด 224 แรงม้า แรงบิด 390 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 381 แรงม้า แรงบิด 610 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 210 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน CLTC หรือ 160 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC และกระแสตรง DC จาก 30-80% ในเวลาเพียง 20 นาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Performance มอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว มาพร้อมแบตเตอรี่ Ternary lithium battery 34.46 kWh กับมอเตอร์ไฟฟ้าขับหน้าให้กำลังสูงสุด 224 แรงม้า แรงบิด 390 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าขับหลัง ให้กำลังสูงสุด 238 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร

    เมื่อทำงานร่วมกันได้กำลังสูงสุด 605 แรงม้า แรงบิด 915 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้าล้วนได้ 200 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามาตรฐาน CLTC หรือ 150 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งกระแสสลับ AC และกระแสตรง DC จาก 30-80% ในเวลาเพียง 20 นาที ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทุกความแรงจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 3-speed DHT มีโหมดการขับขี่อัจฉริยะ 6 โหมด ทั้ง ECO, Standard, Sports, Snow, Sand และ Off Road

    ความปลอดภัย Safety

    OMODA

    พร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (ADAS) แม่นยำเต็มรูปแบบไม่ว่าจะเป็น

    • ควบคุมความเร็วแปรผันอัตโนมัติ ACC (Adaptive Cruise Control) พร้อม Stop&Go
    • เตือนการชนด้านหน้าและหยุดรถอัตโนมัติ FCW & AEB (Front Forward Collision Warning & Autonomous Emergency Brake)
    • เตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ LDWS (Lane Departure Warning System)
    • เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน BSM (Blind Spot Monitoring)
    • ช่วยเตือนขณะถอยรถยนต์ RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
    • เตือนก่อนเปิดประตูรถ DOW (Door Open Warning)
    • ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System)
    • ช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (EMERGENCY LANE KEEPING ASSIST)
    • เบรกอัตโนมัติหลังการเกิดอุบัติเหตุช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน MCB (Multi-Collision Brake)
    • ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (TRAFFIC JAM ASSIST)
    • จำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISL (Intelligent Speed Limiter) อ่านป้ายจราจร TSR (Traffic Sign Recognition)
    • เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake)
    • ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
    • กล้องมองภาพรอบคันแบบ 540° รวมถึงหลังคารถ
    • ถุงลมนิรภัยรอบคัน 8 จุด รวมถุงลมนิรภัยใต้เข่าคนขับ

    OMODA

    OMODA C9 เตรียมเปิดตัวที่แอฟริกาใต้ที่แรกของโลกในเวอร์ชันพวงมาลัยขวา 11 ตุลาคมนี้ส่วนออสเตรเลียเตรียมขายภายในปีนี้

    ที่มา OMODA

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts