6 เดือนแรกของปี 2022 เป็นช่วงเวลาที่ดีของ Polestar ค่ายผู้ผลิตรถน้องใหม่สัญชาติสวีดิช ซึ่งประกาศตัวเลขรายได้มากกว่า 1 พันล้าน เหรียญสหรัฐ
ค่ายผู้ผลิตที่แยกตัวออกมาจาก Volvo นี้ ขายรถไปแล้วทั้งหมด 21,185 คัน ภายในครึ่งปีแรก ซึ่งนั่นเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึง 123 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับยอดขายจากช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ที่พวกเขาขายได้ 9,510 คัน นั่นทำให้พวกเขามีรายได้รวม 1,047 ล้าน เหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 95 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ที่พวกเขาทำยอดได้ 534 ล้าน เหรียญสหรัฐ
ส่วนหนึ่งของยอดขายถล่มทลายนี้ต้องยกเครดิตให้กับ Polestar 2 ซึ่งมียอดขายที่มากขึ้นทั่วโลก และนั่นรวมถึง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, คูเวต, ฮ่องกง, ไอร์แลนด์, สเปน, และ โปรตุเกส
นอกจากนั้น ค่ายผู้ผลิตจากสวีเดนยังมียอดขายจากข้อตกลงกับ Hertz ซึ่งเป็นบริษัทให้เช่ารถ ที่ได้สั่งซื้อ Polestar ไปกว่า 65,000 คัน และได้ส่งมอบรถมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นการบ่งชี้ว่าการส่งมอบรถจะยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งหลังของปี
ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่สูงขึ้นยังช่วยให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 49 เปอร์เซ็นต์ ที่ 17.6 ล้าน เหรียญสหรัฐ Polestar ยังได้กล่าวว่า พวกเขาจะยังคงลงทุนในการขยายขอบเขตการเข้าถึง โดยในปัจจุบันมีจุดบริการ 125 จุด และจุดบริการ 934 จุด ในทุกตลาด ซึ่งเพิ่มขึ้น 22 และ 123 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ตั้งแต่ปลายปี 2021
จากความสำเร็จในช่วงแรก Polestar คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายในการส่งมอบรถยนต์ 50,000 คัน ในปี 2022 ในขณะเดียวกัน ในเดือนตุลาคม ทางบริษัทจะเปิดตัว Polestar 3 ซึ่งเป็น SUV สมรรถนะสูงสู่สายตาชาวโลกในโคเปนเฮเกน เพื่อช่วยต่อยอดความสำเร็จให้กับปี 2022
“เราได้สร้างความคืบหน้าก้าวสำคัญในช่วงครึ่งแรกของปี 2022 จากการที่เรามีรายได้และยอดการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และประสบความสำเร็จในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในนิวยอร์ก” Thomas Ingenlath, CEO ของ Polestar กล่าว
“นอกจากนี้ เรายังคงรักษาโมเมนตัมที่แข็งแกร่งในการรับคำสั่งซื้อทั่วโลก และคาดว่าจะส่งมอบรถ 50,000 คัน ให้กับลูกค้าของเราได้ภายในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการขายในปี 2022 ของเรา”
“ด้วยรถยนต์ล้ำยุคหลายคันที่จะกำลังจะมาถึง Polestar พร้อมแล้วที่จะเติบโตอย่างรวดเร็ว”
อ้างอิง : carscoops.com