Ducati Daivel V4 บิ๊กไบค์สไตล์ครุยเซอร์ระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมขุมพลัง V4 อันทรงพลัง และจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีระดับท็อปขับขี่จริงจะเป็นอย่างไรมาดูกันได้เลย
Ducati Daivel V4 บิ๊กไบค์สไตล์ครุยเซอร์ระดับพรีเมียมสัญชาติอิตาลี ที่มาพร้อมการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยการผสมผสาน DNA ความแรงของขุมพลัง V4 จากรถสปอร์ตเข้ากับ สไตล์ของมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์ ทำให้เป็นอีกหนึ่งในรถบิ๊กไบค์ที่มีดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จนเรียกได้ว่าพกความหล่อมาแบบเต็มพิกัด จนทำให้เป็นรถที่ใครหลายๆ คนใฝ่ฝัน
-
ดีไซน์หล่อเต็มพิกัด
-
ขุมพลัง V4 168 แรงม้า แรงบิด 126 นิวตันเมตร
-
สมรรถนะช่วงล่างระดับไฮเอนด์
-
จัดเต็มฟีเจอร์ทันสมัยตามสไตล์ Ducati
-
Diavel V4 แรง ขี่สบาย ไม่มีความร้อนสะสม
-
Diavel V4 น่าใช้ไหม เหมาะกับใคร
ดีไซน์หล่อเต็มพิกัด
สำหรับการออกแบบ Diavel V4 คันนี้เรียกได้ว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์ที่พกความหล่อมาแบบเต็มพิกัดจริงๆ จะเห็นว่าตัวรถมีความโดดเด่นอย่างมากโดยเฉพาะในส่วนของช่องดักอากาศที่ขนาบอยู่ด้านข้างไฟหลัก โดยในส่วนของระบบไฟนั้นเป็น LED เต็มระบบทั้งไฟหน้า, ไฟท้าย, ไฟ DRL และไฟเลี้ยว ซึ่งในจุดนี้ดีไซน์ของไฟท้ายนับว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของรุ่นนี้ก็ว่าได้เพราะมันถูกออกแบบให้ฝังอยู่ใต้บังโคลน
ขุมพลัง V4 168 แรงม้า แรงบิด 126 นิวตันเมตร
Diavel V4 ใช้เครื่องยนต์ V4 Granturismo ขนาด 1,158 ซี.ซี. 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอบพละกำลังสูงสุด 168 แรงม้า ที่ 10,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 126 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อมระบบควิกชิพเตอร์ทั้งเพิ่มและลดเกียร์ ขับเคลื่อนด้วยโซ่ ให้สุ้มเสียงดุดัน ผ่านท่อไอเสียดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร
สมรรถนะช่วงล่างระดับไฮเอนด์
สำหรับช่วงล่างโช้คอัพหัวกลับ Ducati Skyhook ขนาด 50 มม. มีระยะยุบ 120 มม. และด้านหลังโช้คอัพเดี่ยว Ducati Skyhook ระยะยุบ 145 มม. ส่วนระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสเบรคคู่ ขนาด 330 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ Brembo Stylema 4 พอต และด้านหลังดิสเบรคเดี่ยว ขนาด 265 มม. คาลิปเปอร์ Brembo 2 พอต มาพร้อมวงล้อขนาด 17 นิ้ว และสวมด้วยยางทูปเลสด้านหน้าขนาด 120/70 ZR17 และด้านหลังขนาด 240/45 ZR17
จัดเต็มฟีเจอร์ทันสมัยตามสไตล์ Ducati
ด้านฟีเจอร์ใช้งาน Diavel V4 เรียกได้ว่าเป็นรถที่มาพร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์ และฟีเจอร์ใช้งานที่ครบครัน ซึ่งทำให้เราสามารถขับขี่ได้อย่างสนุก ปลอดภัย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบ ABS Cornering EVO มี 3 ระดับ, ระบบ Ducati Traction Control EVO2 (DTC) มี 4 ระดับ , ระบบ Ducati Wheelie Control EVO (DWC) มี 4 ระดับ, ระบบ Ducati Power Launch EVO (DPL) มี 3 ระดับ และ ระบบ Cruise Control
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน้าจอ เรือนไมล์ TFT สีขนาด 5 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนร่วมกับแอปพลิเคชั่น My Ducati และใช้งานระบบนำทางแบบ Turn-by-Turn ได้ และที่สำคัญมาพร้อมกับโหมดขับขี่ 4 โหมดคือ Sport Touring Urban และ Wet
Diavel V4 แรง ขี่สบาย ไม่มีความร้อนสะสม
ในส่วนของการขับขี่ในครั้งนี้เราได้ทดลองขับขี่จาก กทม. – พัทยา ซึ่งต้องขอเล่าถึงสัมผัสแรกก่อนเลยนั่นก็คือ ท่านั่งขับขี่ เมื่อได้ขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังเจ้า Diavel V4 ตำแหน่งแฮนด์ และท่านั่งขับขี่ ให้ท่าทางขับขี่ที่ค่อนข้างเท่อยู่ไม่น้อย แม้ว่าตัวรถจะมาเป็นสไตล์ครุยเซอร์แต่แอบแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแบบสปอร์ตตามแบบฉบับของ ดูคาติ ซึ่งตำแหน่งแฮนด์จะโน้มเข้าหาตัวผู้ขับขี่เล็กน้อย แต่เมื่อรวมกับตำแหน่งเบาะนั่งแล้วจะนั่งขับขี่ตามสไตล์ครุยเซอร์แบบตัวผู้ขบขี่โน้มไปด้านหน้าเล็กน้อย หรือจะเรียกได้ว่ามีท่านั่งออกแนวเน็กเกตไบค์นิดๆ ซึ่งทำให้สามารถขับขี่ทางไกลได้อย่างสบายๆ ไม่มีอาการปวดหลัง
สำหรับการควบคุมจัดได้ว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ครุยเซอร์ที่ให้การควบที่ง่ายมากๆ ด้วยระยะความสูงของเบาะที่ 790 มม. คนที่สูงประมาณ 169 ซม. อย่างตัวผมเองยังสามารถยืนเหยียดเท้าได้เต็มพื้นทั้งสองข้างช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้มากยิ่งขึ้น ส่วนน้ำหนักตัวรถที่ 236 กก. ถือว่าไม่เยอะเกินไปสำหรับมอเตอร์ไซค์คลาส 1,158 ซี.ซี. ส่วนการควบคุม ซอกแซก เลี้ยววงแคบ ผ่านช่องการจราจรขับขี่ที่รถติดขัดก็สามารถทำได้อย่างคล่องตัว และไม่รู้สึกเหนื่อยไปกับการประคองรถในช่วงความเร็วต่ำ
ถัดมาดูในส่วนของหัวใจหลักด้านสมรรถนะการขับขี่กันบ้าง แน่นอนว่าเรื่องความแรงคงไม่ต้องเอ่ยถึงเพราะอย่างที่รู้กันว่าใช้เครื่องยนต์ V4 Granturismo ขนาด 1,158 ซี.ซี. พละกำลังมีให้แบบเหลือๆ แต่สิ่งที่น่าประทับใจเลย และรู้สึกว่าว้าวมากๆ นั้นก็คือในเรื่องของความร้อนสะสมจากเครื่องยนต์ จากการที่ได้ลองมาการันตีได้ว่าสำหรับการขับขี่ทางไกล แทบจะไม่รู้สึกถึงมีความร้อนสะสม และที่สำคัญการขับขี่ภายในเมืองช่วงการจราจรที่ติดขัด ซึ่งตัวผมเองได้ลองใส่กางเกงขาสั้นขับขี่บอกเลยว่าสัมผัสได้ถึงความร้อนสะสมจากเครื่องยนต์ได้น้อยมากๆ หรือจะให้บอกสั้นๆ เลยว่า มันไม่ร้อน ! ซึ่งในจุดนี้เราต้องของชื่นชมเลยว่าทาง ดูคาติ สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องความร้อนสะสมได้อย่างยอดเยี่ยม
ต่อกันด้วยคาแรคเตอร์ของเครื่องยนต์ V4 Granturismo ขนาด 1,158 ซี.ซี. จากที่ได้สัมผัสมามีความดุดันแบบสปอร์ต อัตราเร่งตอบสนองได้ดีตั้งแต่รอบต่ำ การเร่งแซงทำได้สบายๆ และเป็นรถที่ขับขี่ได้สนุก ความแรงเรียกได้ว่ามาตามที่มือบิดเลย และที่สำคัญตัวรถมีอัตราเร่งที่สมูทและนุ่มนวลมากๆ ตามคาแรคเตอร์ของมอเตอร์ไซค์สไตล์ครุยเซอร์ แต่หากคุณเป็นสายซิ่งด้วยแล้วเจ้า Daivel V4 ก็สามารถทำให้ได้เช่นกันเพราะตั้งรอบกลางปลายๆ ไปจนถึงรอบสูง แล้ว กำแฮนด์ ขาหนีบถังไว้แน่นๆ เลยเพราะคุณจะได้สัมผัสเต็มๆ กับแรง และความดิบที่ซ่อนอยู่ภายในเครื่องยนต์บล็อกนี้อย่างเต็มพิกัด ส่วนท็อปสปีดที่เราได้ลองมาอยู่ประมาณ 253 กม./ชม. (สามารถไหลไปได้มากกว่านี้อีกนิดหน่อย)
ถัดมาเป็นโหมดขับขี่ 4 โหมด Sport Touring Urban และ Wet ให้ฟีลลิ่งการตอบสนองอัตราเร่งที่แตกต่างกันชัดเจน ส่วนระบบควิกชิพเตอร์ที่ให้มีความแม่นยำ และมีความนุ่มนวลช่วยให้ขับขี่ได้สนุกมากยิ่งขึน นอกจากนี้ระบบ Traction Control สามารถปรับระดับได้ หรือจะปิดก็สามารถทำได้ แน่นอนว่าด้วยแรงทอล์คขนาด 126 นิวตันเมตร ในจังหว่ะที่เปิดคันเร่งหากไม่ได้เปิดระบบนี้ไว้ละก็มียกล้อแน่นอน
สุดท้ายในส่วนของช่วงล่างมีความเฟิร์มแบบสปอร์ต ด้วยบาลานซ์ที่ต่ำ และพละกำลังที่มีถือว่าทำออกมาได้เหมาะสมมากๆ กับสไตล์ของตัวรถ การพลิกเลี้ยงในโค้งสามารถทำได้อย่างง่ายดาย และมีความนิ่งหนึบเกาะติดถนน ส่วนระบบเบรกที่ให้มาเป็นระดับไฮเอนด์ จัดว่าเพียงพอกับพละกำลังตัวรถ สามารถการหยุด ชะลอ ได้อย่างมั่นใจ และให้ประสิทธิภาพระยะในการเบรกที่สั้น
Diavel V4 น่าใช้ไหม เหมาะกับใคร
จากที่ได้สัมผัสมาในทริปนี้ Diavel V4 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในมอเตอร์ไซค์ที่ขี่สนุก ควบคุมง่าย และน่าใช้งานมากๆ เพราะมันสามารถใช้ขับขี่ได้ทั้งในเมือง และออกทริปทางไกล ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้ประทับใจนอกจากพละกำลัง และออฟชั่นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ให้มาแล้ว ดูคาติ ได้ทำให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้มีความร้อนสะสมที่น้อยมากๆ ทำให้เราสามารถขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น และไม่ต้องกังวลกับเรื่องความร้อนสะสมอีกต่อไป
ราคาและการวางจำหน่าย Ducati Diavel V4 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,299,000 บาท โดยมีให้ 2 สี ทางเลือกได้แก่ DUCATI RED (สีแดง) และ THRILLING BLACK (สีดำ) สำหรับผู้ที่สนใจสามารถไปชมคันจริง หรือทดลองขับขี่ได้ที่ตัวแทนจำหน่าย ดูคาติ ทุกสาขาทั่วประเทศ
ติดตามข่าวสารยานยนต์ : car2day.com
Page Facebook :Car2Day
Youtube : youtube.com/@Car2day