Honda Giorno+ สกู๊ตเตอร์ดีไซน์คลาสสิก จะเป็นยังถ้าหากนำมาขับขี่แบบท่องเที่ยว ขึ้นเขา-ลงดอย จะทำได้ดีแค่ไหนเราได้หาคำตอบมาให้แล้ว!!
หลักจากที่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อไม่กี่เดือนมานี้กับ Giorno+ รถสกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดจากทางฮอนด้า โดยมาพร้อมกับคอนเซปต์ “The New High ทุกสไตล์ไปได้ไกลกว่า” ได้มาขับเคลื่อนกระแสความฮิตของสไตล์คลาสสิก-เรโทร ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และในครั้งนี้ทาง Car2Day ได้มีโอกาสไปร่วมทริปขับขี่ และกิจกรรมสุดพิเศษกันที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นยังไงบ้างตามไปชมกันได้เลย
ก่อนอื่นเลยต้องพูดถึงเรื่องดีไซน์ จะเห็นว่าได้รับการออกแบบที่ผสมผสานผสานความเป็นคลาสสิก และโมเดิร์น ด้วยความล้ำสมัยของเทคโนโลยีการขับขี่ยุคใหม่ มีความหล่อสะดุดตาด้วยชุดไฟ LED ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย ลงตัวเข้ากับสีสันที่หลากหลายโดดเด่น และเส้นสายที่ให้ความคลาสสิกรอบคัน นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นใช้งานที่ทันสมัยไม่ว่าจะเป็น เรือนไมล์แบบดิจิตอลบอกครบทุกฟังก์ชั่นการขับขี่ เสริมความสะดวกสบายการใช้งาน ด้วยตัวล็อคเบรกหลังหรือเรียกกันว่าเบรกมือ ซึ่งจะติดตั้งมาให้ที่ด้านหน้ามือเบรกฝั่งซ้าย ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Honda Smart Key และช่องเก็บสัมภาระ U-Box ขนาดใหญ่ถึง 30 ลิตร พร้อมติดตั้ง USB Socket & Console Box สามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา รวมถึงจุดเติมน้ำมันด้านหน้าสามารถเติมน้ำมันได้โดยไม่ต้องเปิดเบาะ
ในส่วนของการขับขี่ในทริปนี้อย่างแรกคือ ตำแหน่งท่านั่งค่อนข้างสบาย พื้นที่เบาะค่อนข้างเยอะคนตัวใหญ่ๆ สามารถนั่งขับขี่ได้อย่างสบายๆ ไม่ต้องกังวลว่าเบาะจะเล็กเกินไป ด้านการควบคุมตำแหน่งอยู่ในจุดที่รับเข้ากับผู้ขับขี่ทุกไซส์ไม่ว่าจะตัวเล็ก หรือใหญ่ ก็สามารถควบคุมรถได้อย่างมั่นคง ส่วนความสูงเบาะที่ 780 มม. สามารถวางเท้าลงเต็มพื้นได้อย่างมั่นใจทั้งสองข้าง และจากที่ได้ขับในช่วงการจราจรที่หนาแน่น มิติตัวรถที่ออกแบบถือว่ามีความคล่องตัวที่สูง
Giorno+ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ eSP+ ขนาด 125 ซีซี. 4 วาล์ว แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ โดยทางฮอนด้าเคลมตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองของเจ้า Giorno+ เอาไว้ที่ 52.6 กม./ลิตร และตัวรถมาพร้อมถังน้ำมันความจุขนาด 5.4 ลิตร การขับขี่ในรูปแบบท่องเที่ยวการเร่งแซงอาจต้องรอรอบสักนิด แต่การทำความเร็วช่วง 0 – 100 กม./ชม. ถือว่าทำอัตตราเร่งได้ดี โดยในช่วง 0 – 40 กม./ชม. จะให้คาแรคเตอร์ที่นุ่มนวล แต่หากเกินนี้แล้วบิดแรงติดมืออยู่เช่นกัน เมื่อต้องเจอกับทางชัน หรือทางขึ้นเขา พละกำลังยังเพียงพอที่จะดันรถขึ้นเนินได้สบายๆ และไม่ใช่อุปสรรคของ Giorno+ ส่วนตอนลงทางลาดชันหากรู้สึกว่ารถไหลเร็วเกินไปก็กรอเบรกเข้าช่วยเพื่อชะลอความเร็วเพียงเท่านี้ก็สามารถพลิกพริ้วเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ
ด้านช่วงล่างโช้คอัพหน้าเทเลสโคปิค และหลังแบบยูนิตสวิง ซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างหมดห่วง บาลานซ์ของตัวรถทำออกมาได้ดี เมื่อต้องพลิกเลี้ยวช่วงเข้าโค้งตอนขึ้น-ลงเขา นิ่งหนึบเกาะติดถนน ไม่มีอาการท้ายโยนเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว ส่วนระบบเบรกดิสหน้า และระบบเบรก ABS (เฉพาะรุ่น ABS) และ Combi Brake System ระบบกระจายแรงเบรกหน้า-หลัง เพียงพอกับการใช้งานกับรถในพิกัด 125 cc.
ด้านสมรรถนะช่วงล่างระบบกันสะเทือนหน้าเทเลสโคปิค และด้านหลังยูนิตสวิง เพียงพอกับการใช้งานซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างหมดห่วง ส่วนระบบเบรกดิสก์เบรก และดรัมเบรกหลัง ที่อาจจะต้องเผื่อระยะในการเบรกสักนิดในกรณีที่ขับขี่ด้วยความเร็ว แต่ที่ให้มาก็เพียงพอกับการใช้งาน และเหมาะสมกับสมรรถนะ ส่วนมาตรฐานความปลอดภัยของ Honda ที่ใช้ในหลากหลายรุ่นอย่าง Combi Brake (คอมบาย เบรค) ระบบการกระจายแรงเบรกระหว่างล้อหน้า และล้อหลังโดยอัตโนมัติ ช่วยให้หยุดและชะลอรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากที่ได้ขับขี่ Giorno+ สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวเป็นที่เรียบร้อย เราได้มาร่วมกับอีกหนึ่งกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง ‘The New High Experience’ อีกด้วยเป็นอีเวนท์ที่อัดแน่นอนด้วยกิจกรรมไม่ว่าจะเป็น โซนกิจกรรมให้ทดลองขับขี่ Giorno+ และจุดถ่ายรูป Check-in สุดไฮแฟชั่นที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้ถ่ายรูปคู่กับ Giorno+ ให้โพสต์ท่าอวดสไตล์ของตัวเอง พร้อมลุ้นชิงรางวัลพิเศษ อีกทั้งโซนจัดแสดงรถแต่งจากสำนักแต่งชั้นนำของเมืองไทย หลากหลายสไตล์มาให้ชมกันถึงที่ นอกจากนี้ยังมีสินค้า Collection จาก Honda และสินค้าจาก H2C สำหรับรุ่น Giorno+ ให้เลือกช็อปกันอีกด้วย ก่อนจะปิดท้ายด้วยมินิคอนเสิร์ตสุดมันส์จากวง ‘Mirr’ ให้ได้สนุกไปสุดๆ กับทุกเพลง
สรุป
Giorno+ เป็นรถที่ออกแบบมาตอบโจทย์การขับขี่การใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ด้วยมิติตัวรถที่ให้ความคล่องตัวสูง และมีสมรรถนะเหมาะกับการขับขี่ภายในเมืองเป็นหลัก แต่ถ้าหากนำไปออกทริปเดินทางไกลก็สามารถทำได้อย่างสบายๆ การเร่งแซงทำได้ไม่ยากแต่อาจจะต้องรอบสักนิดแต่เมื่อรอบได้แล้วบิดติดมือมากๆ และเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ขี่สนุก และควบคุมง่ายมากๆ นอกจากนี้ดีไซน์ที่เน้นเส้นสายแบบคลาสสิกการนำรถไปตกแต่งตามสไตล์ของตัวเองก็สามารถทำได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งสมรรถนะเครื่องยนต์ eSP+ พื้นฐานเดียวกันกับ Lead 125 การันตีความแรงได้เลยว่าถ้าเอาไปโมดิฟายถูกใจสายซิ่งแน่นอน ที่สำคัญใครที่ชอบรวมกลุ่มขับขี่ หรือต้องการเพื่อนคอเดียวกันในตอนนี้ community ของ Giorno+ ก็มีจำนวนไม่น้อย และสามารถเข้าไปจอยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันกันได้
กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ของไทยฮอนด้ายังมีอีกเพียบ ถ้าไม่อยากพลาดก็ติดตามความเคลื่อนไหวกันได้ที่เว็ปไซต์ ไทยฮอนด้า และเฟซบุ๊กเพจ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สำหรับผู้ที่สนใจ ไทยฮอนด้าพร้อมวางจำหน่าย Honda Giorno+ แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ศูนย์ Honda Wing Center ทั่วประเทศ โดยมีให้เลือกสองรุ่นย่อยประกอบด้วย รุ่น ABS มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว-ดำ, สีเทา-ดำ และสีแดง-ดำ ราคาแนะนำที่ 66,900 บาท รุ่น Standard มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว-ดำ, สีเหลือง-ดำ สีเขียว-ดำ และสีน้ำเงิน-ดำ ราคาแนะนำที่ 61,900 บาท
