โรลส์-รอยซ์ได้สร้างสรรค์ Ghost Black Badge รุ่นลิมิเต็ด โดยได้รับแรงบันดาลใจจากปรากฎการณ์สุริยุปราคา โดยตกแต่ง ลวดลายมากมายของปรากฏการณ์ท้องฟ้า เพื่อเป็น Ékleipsis Private Collection
รายละเอียดที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของรถคือ เพดานภายในถูกตกแต่งด้วย Starlight Headliner ที่เคลื่อนไหวได้ เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ท วงกลมดาว 940 ดวงจะปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ เป็นตัวแทนของโคโรนาของดวงอาทิตย์ ซึ่งมักจะมองเห็นได้ในระหว่างสุริยุปราคาเต็มดวง จอภาพแสดงเวลาได้ 7 นาที 31 วินาที ซึ่งถือเป็นเวลาที่นานที่สุดเท่าที่สุริยุปราคาจะเกิดขึ้นได้
The Ghost ใช้สีภายนอกที่มีชื่อว่า Lyrical Copper แต่งแต้มสี Mandarin orange ที่กันชนด้านล่าง บางส่วนต้องใช้มือลงสี เช่น ล้อ และคาลิปเปอร์เบรก
ภายในตกแต่งด้วยสี Mandarin orange ทะลุรอยเจาะกว่า 200,000 รอยบนเบาะนั่งสองสี โรลส์-รอยซ์แต้มหนัง Mandarin ให้เป็นสีดำ โดยมีรูเล็กๆ เผยให้เห็นสีส้มที่ตัดกันที่ด้านล่าง เส้นประประกอบด้วยดวงดาวที่แกะสลักด้วยเลเซอร์ 1,846 ดวง ทำให้เกิด “ไทม์ไลน์เชิงสัญลักษณ์ของสุริยุปราคาเต็มดวง” ถัดจากสัญลักษณ์สุริยุปราคาบนแผงหน้าปัดคือนาฬิกาสั่งทำพิเศษพร้อมเพชร 0.5 กะรัต แสดงให้เห็นถึงจุดแสงจุดเดียวที่ปรากฏบนโครงร่างของดวงจันทร์ในขณะที่มันบังดวงอาทิตย์ นี่เป็นครั้งแรกที่โรลสรอยซ์รวมอัญมณีเข้ากับกรอบนาฬิกา
โรลส์-รอยซ์ทำการทดสอบการยึดเกาะอย่างเข้มข้นเพื่อให้แน่ใจว่าเพชรจะคงอยู่กับที่ โดยกำหนดให้นาฬิกามีการทดสอบอุณหภูมิตั้งแต่ -30 องศาเซลเซียส ถึง 90 องศาเซลเซียส (194 องศา F)
คุณสมบัติการออกแบบหลายอย่างต้องทำซ้ำหลายครั้งจึงจะสมบูรณ์แบบ Rolls-Royce Bespoke Collective ผลิตรถต้นแบบถึง 3 คัน ในขณะที่ตกแต่งเพดานหลังคาให้สมบูรณ์แบบ นาฬิกาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ส่งผลให้มีการออกแบบซ้ำมากกว่า 14 ครั้ง ซึ่งนักออกแบบใช้เวลามากกว่า 100 ชั่วโมงเพื่อทำให้แผงหน้าปัดเรืองแสงของ Ghost สมบูรณ์แบบ
โรลส์-รอยซ์ จำกัดการผลิตมาสเตอร์พีชคันนี้ไว้เพียง 25 คันเท่านั้น การเปิดตัวครั้งนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกับสุริยุปราคาประจำปีในวันที่ 14 ตุลาคม ซึ่งมองเห็นได้ในส่วนของซีกโลกตะวันตก และ Ghost Black Badge Ékleipsis Private Collection ทั้ง 25 คัน ได้ถูกจับจอง มีเจ้าของเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมาพร้อมกับผ้าคลุมรถที่มีคำว่า Private Collection ประดับอยู่ด้วย
Source: Motor1