Toyota มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศปรับราคาจำหน่าย 2 เอ็มพีวีหรูยอดนิยมอย่าง Toyota ALPHARD และ Toyota VELLFIRE ปรับราคาขึ้นจากเดิม 140,000 บาท
Toyota ALPHARD และ Toyota VELLFIRE มาในร่างเจเนอรเชันที่ 4 รหัส AH40 นำเข้าจากญี่ปุ่นจำหน่ายเฉพาะรุ่น Hybrid HEV อย่างเดียวไม่มีรุ่นเครื่องยนต์สันดาปล้วนขาย
เริ่มที่รุ่น ALPHARD ด้วยหน้าตาที่นำพื้นฐานจาก Lexus LM เจเนอเรชันที่สองปรับสไตล์เป็นตัวของตัวเองตั้งแต่ กระจังหน้าโครเมียมพร้อมโลโก้สามห่วงครั้งแรกที่นำมาใช้ใน Alphard ไฟหน้าแบบ LED Projector 3 ดวง พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบวิ่ง Sequential ชุดกันชนหน้า-กันชนหลังดีไซน์หรู
ด้านข้างมีเอกลักษณ์ด้วยสัญลักษณ์ตัวอักษร ALPHARD และตราโลโก้เฉพาะ บริเวณประตูคู่หน้าตรงเสา B เสริมคิ้วโครเมียมเด่นทั้งกรอบกระจกทุกส่วน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ทรงสปูน ที่เปิดประตูโครเมียมแบบดึงก้านออกแบบหลุมก้านเปิดประตูให้เรียบเนียนกับตัวถัง
ชุดแผงป้ายทะเบียนใช้โลโก้แบบ Lettering ALPHARD ออกแบบเว้นช่องว่างของตัวอักษรให้สวยงาม ข้างบนของชุดแผงป้ายทะเบียนติดตราสามห่วงไว้สองฝั่ง ไฟท้าย LED แบบเป็นเกล็ดเสริมขอบโครเมียมไว้กรอบไฟท้ายและไฟตัดหมอกหลัง ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย ประตูสไลด์ 2 บาน เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคามูนรูฟแบบ Twin Moonroof 2 บานตรงกลางซ้าย-ขวา พิเศษ! สัญลักษณ์ Executive Lounge สำหรับรุ่น HEV Luxury
ทางด้านรุ่น VELLFIRE มาในสไตล์แบบ Sport Luxury ตั้งแต่ กระจังหน้าโครเมียมแนวนอน 6 ชั้น พร้อมโลโก้สามห่วง ไฟหน้าแบบ LED Projector 3 ดวง พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ไฟเลี้ยวหน้า-หลังแบบวิ่ง Sequential ชุดกันชนหน้า-กันชนหลังดีไซน์หรู
ด้านข้างมีเอกลักษณ์ด้วยสัญลักษณ์ตัวอักษรเฉพาะบริเวณประตูคู่หน้าตรงเสา B เสริมคิ้วโครเมียมเด่นทั้งกรอบกระจกทุกส่วน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED ทรงสปูน ที่เปิดประตูโครเมียมแบบดึงก้านออกแบบหลุมก้านเปิดประตูให้เรียบเนียนกับตัวถัง ชุดแผงป้ายทะเบียนท้ายติดตรา VELLFIRE ที่ออกแบบเว้นช่องว่างของตัวอักษรให้สวยงาม ข้างบนของชุดแผงป้ายทะเบียนติดตราสามห่วง
ไฟท้าย LED รูปตัว U เสริมขอบโครเมียมไว้กรอบไฟท้ายและไฟตัดหมอกหลัง ฝาท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมสวิตช์ควบคุมบริเวณไฟท้าย ประตูสไลด์ 2 บาน เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า หลังคามูนรูฟแบบ Twin Moonroof 2 บานตรงกลางซ้าย-ขวา
ล้ออัลลอยมีให้เลือกถึง 2 ขนาดตั้งแต่ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/65R17 ในรุ่น ALPHARD HEV และใหญ่สุด 19 นิ้ว พร้อมยาง 225/55R19 ในรุ่น ALPHARD HEV Luxury และรุ่น VELLFIRE ทั้ง 2 รุ่นสร้างจากพื้นฐาน TNGA (GA-K) ใหญ่ขึ้นทุกมิติตั้งแต่
- ความยาว 5,005-5,010 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,850 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,950 มิลลิเมตร
- ฐานล้อ 3,000 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 150 มิลลิเมตร
- ความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร
ภายในอลังการกับงานออกแบบที่หรูหราตอบโจทย์ผู้นำเริ่มที่รุ่น ALPHARD HEV ภายในเลือกได้สองสีทั้งสีเบจ Neutral Beige (สำหรับสีรถภายนอก Platinum White Pearl และ Black) กับสีดำ Black (สำหรับสีรถภายนอก Precious Metal)
ในรุ่น ALPHARD HEV Luxury เลือกภายในได้สอง 2 ทั้ง สีภายในสีดำ Black (สำหรับสีรถภายนอก Platinum White Pearl และ Black) และสีภายในสีน้ำตาล Sunset Brown (สำหรับสีรถภายนอก Precious Metal) และรุ่น VELLFIRE มาพร้อม ภายในสีดำ Black เท่านั้น
ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมชุดแผงคอนโซลหน้าบุด้วยหนังสัมผัสเดินด้ายอย่างประณีตตกแต่งด้วยลายไม้แบบ UZURAMOKU ในรุ่น ALPHARD HEV Luxury เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิ 4 โซนพร้อมระบบฟอกอากาศ Nanoe X สำหรับห้องโดยสารตอนหน้าและตอนหลังเฉพาะรุ่น ALPAHRD HEV Luxury
ชุดเบาะนั่งหุ้มหนังแท้ Premium NAPPA เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้าโดยด้านคนขับปรับได้ 8 ทิศทางพร้อมระบบความจำ 3 ตำแหน่งและผู้โดยสาร 4 ทิศทางในทุกรุ่น ในรุ่น ALPHARD HEV และ VELLFIRE ชุดเบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 ดีไซน์หรูโอบกระชับกว่าเดิมปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และระบบ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet 5.5 นิ้ว
ในรุ่น ALPHARD HEV Luxury มาพร้อมเบาะนั่งผู้โดยสารแถว 2 แบบ Executive Lounge แยกอิสระปรับได้ 10 ทิศทาง เบาะรองน่องปรับไฟฟ้า ระบบนวด Massage Relaxation และ Seat Ventilator ควบคุมผ่าน Detachable Tablet 5.5 นิ้ว มาพร้อมโต๊ะส่วนตัวแบบพับได้ตกแต่งลายไม้ UZURAMOKU
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนที่ 3 นั่งได้สามที่นั่งสามารถพับได้แบบ 50/50 Smart Comfort Program สำหรับเบาะนั่งผู้โดยสารแถวสอง จอสัมผัสขนาดใหญ่ตั้งแต่ 14 นิ้ว เชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto รองรับการเชื่อมต่อผ่านแอป T-Connect ระบบนำทางในตัวจอ
มาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านออกแบบใหม่หุ้มหนังปรับสูง-ต่ำ ใกล้-ไกล 4 ทิศทางด้วยระบบไฟฟ้า จอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือแผงคอนโซลหน้า Head-Up Display คอนโซลด้านบนห้องโดยสารแบบ Super-long Overhead Console พร้อมจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังขนาด 14 นิ้ว ม่านบังแดดปรับไฟฟ้า
ไฟสร้างบรรยากาศแบบ Ambient Illumination Light 64 สีบนหลังคา ลำโพงคุณภาพพรีเมียม JBL 15 จุด ช่องชาร์จแบบเสียบสายผ่าน USB ด้านหน้า 3 จุดและด้านหลัง 4 จุด ที่ชาร์จมือถือไร้สายและเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold
ขุมพลังเดียวนั่นคือเบนซิน Hybrid Dynamic Force รหัสใหม่ A25A-FXS 2.5 ลิตรให้กำลังถึง 190 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 238 นิวตันเมตร ที่ 4,300-4,500 รอบต่อนาทีในภาคเครื่องยนต์ ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าแบบ 5NM ให้กำลัง 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าหลังแบบ 4NM 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Hybrid แบบ Nickel-Metal
ทำงานร่วมกันได้กำลังสูงถึง 250 แรงม้าแรงบิด 315 นิวตันเมตร จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อมโหมดการขับขี่ถึงสามโหมดทั้ง EV, Normal และ ECO ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ E-Four
พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังอิสระ Double Wishbone เสริมเหล็กกันโคลงหน้า-หลังและตัวค้ำโช้คเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนเสริมด้วยพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าที่มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.9 ม.
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ทั้ง เตือนการชนด้านหน้า Pre-Collision System (PCS) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบเรดาห์ All-Speed Dynamic Radar Cruise Control (DRCC) พร้อมหยุดและเคลื่อนรถอัตโนมัติและลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง เตือนรถออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ Lane Departure Alert (LDA) ช่วยให้รถอยู่ตรงกลางเลน Lane Tracing Control (LTA)
เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam (AHB) ไฟสูงปรับการกระจายแสงอัตโนมัติ Adaptive High Beam System (AHS) เตือนจุดมุมอับสายตา Blind Spot Monitoring (BSM) เตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) เตือนขณะออกจากรถ Safe Exit Assist (SEA) กระจกมองหลังแบบดิจิทัล เซนเซอร์รถอัจฉริยะสามารถเบรกอัตโนมัติเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง Intelligent Clearance Sonar ถุงลมนิรภัยรอบคัน กล้องมองภาพรอบคัน PVM (Panoramic View Monitor) สัญญาณกะระยะการจอดหน้า-หลังรวม 4 ตำแหน่ง
Toyota ALPHARD และ Toyota VELLFIRE มีสีภายนอกให้เลือกถึง 3 สีทั้ง สีดำ Black, สีขาวมุก Platinum White Pearl และสีเทา Precious Metal มีด้วยกันถึง 3 รุ่นย่อยพร้อมราคาใหม่เพิ่มขึ้นจากเดิม 140,000 บาท ดังนี้
- รุ่น ALPHARD HEV Luxury ราคา 4,639,000 บาท (เดิม 4,499,000 บาท)
- รุ่น ALPHARD HEV ราคา 4,269,000 บาท (เดิม 4,129,000 บาท)
- รุ่น VELLFIRE HEV ราคา 4,419,000 บาท (เดิม 4,279,000 บาท)
ข้อเสนอสุดพิเศษแพ็กเกจขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี (ช่วงปีที่ 6-10) พร้อมรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด พร้อมฟรีค่าแรงเช็คระยะจนถึง 100,000 กิโลเมตร