ในขณะที่เมืองไทยเตรียมที่จะเปิดราคาจำหน่าย ZEEKR 7X ในวันที่ 15 สิงหาคมแต่ว่าออสเตรเลียเปิดราคาตัดหน้าไทยเป็นที่เรียบร้อย
ZEEKR 7X มาในร่างเอสยูวีไซซ์กลางขุมพลังไฟฟ้าล้วน หน้าตาล้ำอนาคตจากแนวคิด Hidden Energy Design Concept
ภายนอกมีเสน่ห์แปลกใหม่
ตั้งแต่กระจังหน้าทรงทึบติดตรา ZEEKR ชุดฝากระโปรงหน้ามีขอบขนาดใหญ่สะดุดตาด้วย ZEEKR Stargate หน้าจอ LED พาดยาวจรดซ้ายไปขวาขนาดใหญ่ 93 นิ้ว ที่ประกอบด้วยไฟ LED ถึง 1,831 ดวง ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกทางศิลปะ แต่ยังสื่อสารได้หลากหลายรูปแบบ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถแสดงตัวตนและอารมณ์ได้ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยนวัตกรรมการแสดงลวดลายพิเศษเลือกได้ตามเอกลักษณ์ของผู้ขับขี่
ด้านข้างมาพร้อมราวหลังคาสีดำบิ๊วอินน์กลมกลืนลงตัวพร้อมเสาอากาศครีบฉลาม มีกระจกมองข้าง ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนพร้อมกระจกแบบโอเปร่าไร้กรอบ Frameless Automatic Doors ระบบประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติทั้ง 4 บาน ที่ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวก แต่ยังสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้ลอง ทำให้การใช้รถในชีวิตประจำวันกลายเป็นประสบการณ์ที่หรูหราและไม่ธรรมดา
ด้านท้ายเด่นด้วยไฟท้าย Full-Length LED สีแดงคาดยาว เล่นเกล็ดสวยๆใต้ไฟท้าย รับกับกันชนหลังพร้อมดิฟฟิวเซอร์สีดำขนาดใหญ่ ล้ออัลลอย Forged Wheel ขนาด 21 นิ้วกับยาง 265/40R21 พร้อมระบบเบรก Akebono Caliper สมรรถนะสูง ทำให้มั่นใจได้ในทุกการหยุดรถ แม้ในความเร็วสูงหรือสภาพถนนที่ท้าทาย และขนาด 19 นิ้วพร้อมยาง 255/50R19
สร้างจากแพลตฟอร์ม PMA2+ (Platform Modular Architecture 2+) มิติตัวรถตั้งแต่
- ความยาว 4,787 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,930 มิลลิเมตร (ไม่รวมกระจกมองข้าง)
- ความสูง 1,650 มิลลิเมตร (รวมเสาอากาศครีบฉลาม)
- ระยะฐานล้อ 2,900 มิลลิเมตร
- ระยะต่ำสุดจากพื้น 173/172 มิลลิเมตร
- น้ำหนักรถ 2,298-2,475 กิโลกรัม
- ช่องใส่ของใต้ฝากระโปรงหน้า Frunk 62 ลิตร
ภายในพรีเมียมสมบูรณ์แบบ
ประกอบด้วยคอนโซลหน้าทูโทนเล่นระดับ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงหัวตัดและท้ายตัด ติดตั้งมาตรวัดความเร็วแบบ LCD Cluster 13.02 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ทั้งหมดในรูปแบบที่สวยงามและเข้าใจง่าย จอสัมผัสขนาดใหญ่แบบ MINI LED 3.5K HD ขนาด 16 นิ้ว ให้ภาพที่คมชัดจนสามารถมองเห็นรายละเอียดทุกอย่างได้อย่างชัดเจน พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ HUD แบบ AR 36.21 นิ้ว ฉายข้อมูลสำคัญขึ้นมาบนกระจกหน้ารถ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ โดยไม่ต้องละสายตาจากถนน
การทำงานของหน้าจอทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8295 Processor เทคโนโลยี 5nm Process Technology ที่ให้การประมวลผลรวดเร็วและราบรื่น ทำให้การใช้งานฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าจอทำได้อย่างสะดวกสบายไร้รอยต่อ ตอบสนองคำสั่งการได้ทันทีทันใด
ระบบเสียง ZEEKR Sound Pro ที่มาพร้อมลำโพงคุณภาพระดับสตูดิโอจำนวน 21 จุดรอบคัน สร้างมิติเสียงรอบทิศทางเสมือนโรงภาพยนตร์เคลื่อนที่ ช่วยสร้างประสบการณ์ความรู้สึกดื่มด่ำในสุนทรียภาพของเสียง ไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light และหลังคากระจกขนาดใหญ่พาโนรามิกซันรูฟพร้อมที่ใส่ของใต้ฝากระโปรงหน้า Frunk 62 ลิตร
โทนภายในเป็นสีดำเทา พร้อมวัสดุหุ้มเบาะแบบหนังแท้กับหนังสังเคราะห์ PU NAPPA & PU Charcoal Sloop ปรับไฟฟ้า เบาะหลังที่ปรับเอนด้วยระบบไฟฟ้าช่วยให้ผู้โดยสารสามารถปรับองศาการนั่งให้เหมาะกับกิจกรรมต่างๆ ทำให้ห้องโดยสารหลังเปลี่ยนเป็นห้องนั่งเล่นส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียด
ทุกมิติกับการออกแบบภายในที่คำนึงทุกอิริยาบถของผู้โดยสาร และการผ่อนคลายที่เหนือระดับ พับได้มีพื้นที่ 1,978 ลิตร และพื้นที่ 539 ลิตรกรณีไม่พับเบาะ พร้อมเบาะปรับไฟฟ้าทั้งผู้โดยสารหน้าและหลัง
ขุมพลังโดดเด่นถึง 3 ทางเลือก
ด้วยความสามารถลากจูงได้ถึง 2,000 กิโลกรัม เริ่มที่รุ่น Standard RWD มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง พร้อมแบตเตอรี่แบบ LFP Golden Battery จากทาง VREMT ขนาด 75 kWh 422 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร วิ่งไกล 480 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 565 กิโลเมตร (NEDC) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 6 วินาที รองรับการชาร์จทั้งแบบ DC 4C fast charging สูงสุด 450 kW 10-80% ชาร์จได้ภายใน 16 นาที และชาร์จช้า AC 22 kW
และแบบ ternary NMC จาก CATL-GEELY ด้วยความจุแบตเตอรี่ 100 kWh แบ่งเป็น 2 รุ่นได้แก่ รุ่น Long Range RWD มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลัง 422 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตรอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 6 วินาที วิ่งไกลสุด 615 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 724 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จทั้งแบบ DC 4C fast charging สูงสุด 420 kW 10-80% ชาร์จได้ภายใน 16 นาที และชาร์จช้า AC 22 kW
รุ่น AWD Performance มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังรวม 646 แรงม้า แรงบิด 710 นิวตันเมตร จากมอเตอร์ล้อหน้า 224 แรงม้า และมอเตอร์ล้อหลัง 422 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 3.8 วินาที วิ่งไกลสุด 543 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP หรือ 639 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จทั้งแบบ DC 4C fast charging สูงสุด 450 kW 10-80% ชาร์จได้ภายใน 16 นาที และชาร์จช้า AC 22 kW
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 1-speed direct-drive จากสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มไฟฟ้าแรงสูง 800V โดยมีหลากหลายขนาดความจุแบตเตอรี่และความแรง มีโหมดการขับขี่ทั้ง Comfort, Economy, Sports, Personalized, Snow และ One Pedal ชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้ในขณะชะลอตัว Braking Energy Regeneration และรองรับ V2L สามารถจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้
ช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังแบบมัลติลิงก์ พร้อมโช้คถุงลม Air Suspension สามารถปรับเพิ่ม-ลดความสูงของตัวรถได้ถึง 45 มิลลิเมตร พร้อมระบบ CCD Electromagnetic Vibration Reduction System ช่วยลดแรงสะเทือนที่จะเข้าสู่ในห้องโดยสาร (เพิ่มเงิน)
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS
มีเซนเซอร์รอบคัน กล้องความละเอียดสูง 11 ตัว, เรดาร์คลื่นมิลลิเมตร 1 ตัว ทั้งหมดนี้ทำงานผ่านชิปประมวลผล NVIDIA Orin X ที่มีพลังการประมวลผลสูงถึง 508 TOPS (trillion operations per second) และความปลอดภัยรอบคันไม่ว่าจะเป็น
- ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- เตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ช่วยเตือนรถเคลือนผ่านด้านหน้า FCTA (Front Cross Traffic Assist)
- ช่วยจอดรถอัตโนมัติเต็มระบบ FAPA (Full Automated Parking Assist)
- ช่วยควบคุมให้อยู่กลางเลน LCC (Lane Centering Control)
- ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- เตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
- อ่านป้ายจราจร TSI (Traffic Sign Recognition)
- ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitoring System)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินเมื่อจอดรถ PEB (Parking Emergency Braking)
- ช่วยเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ ALC (Automatic Lane Change)
- เตือนเมื่อรถออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหน้า CMSF (Collision Mitigation Support Front)
- แจ้งเตือนก่อนการชนด้านหลัง CMSR (Collision Mitigation Support Rear)
- ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน AEB (Autonomous Emergency Braking)
- หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางโดยอัตโนมัติ EMA (Evasive Maneuver Assist)
ออปชันความปลอดภัยพื้นฐานทั้งเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ IBA (Intelligent Brake Assist)
ช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist System) ควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) ป้องกันการพลิกคว่ำ ARP (Anti-Rolling Protection) ควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ควบคุมการทรงตัว ESP (Electric Stability Program System)
ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ตรวจสอบความผิดปกติของลมยางแบบดิจิทัล D-TPMS (Digital Tire Pressure Monitor System)สัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
เสียงเตือนตรวจจับคนเดินถนนในความเร็วต่ำ LSPWS (low speed pedestrian warning sound) กล้องมองภาพรอบคันแบบ 3 มิติ 3D Digital Surround View Monitoring กล้องบันทึกการขับขี่ Digital Video Record ถุงลมนิรภัยรอบคัน เตือนการคาดเข็มขัดหน้าหลัง ล็อคกันเด็กแบบไฟฟ้า กระจกไฟฟ้ากันหนีบทั้ง 4 บาน ปลดล็อคประตูฉุกเฉิน และปลดล็อคเมื่อเกิดการชน และถุงลมนิรภัย 7 จุดรวมถุงลมนิรภัยคั่นระหว่างกลางเบาะนั่งคู่หน้า
ZEEKR 7X ยนตรกรรมเอสยูวีไฟฟ้าระดับพรีเมียมลักชูรี มีรุ่นย่อย 3 รุ่น ทั้งรุ่น RWD Standard Range, RWD Long Range และรุ่น AWD Performance เปิดราคาไม่รวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road ของออสเตรเลียเริ่มต้น $57,990-72,990 หรือราว 1,219,000-1,539,000 บาท ส่วนไทยเปิดราคา 15 สิงหาคม ขาย 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น RWD Standard Range, RWD Long Range และรุ่น AWD Performance
ที่มา Carexpert