มาช้าแต่มาแล้ว! 2023 Ferrari Purosangue, SUV ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Roma รถสปอร์ตเครื่อง V12 วางหน้า ทิ่วิ่งได้ถึง 310 กิโลเมตร/ชั่วโมง
เรียกได้ว่าเป็นการรอคอยที่ยาวนานจริง ๆ ถึง 75 ปี กว่าที่ค่ายม้าลำพองแห่งอิตาลีจะผลิตรถ 4 ประตู รุ่นแรกออกมา ซึ่ง Purosangue จะถูกส่งลงสู่สนามรบอันเข้มข้น ที่จะต้องต่อสู้กับ Aston Martin DBX รุ่นที่แพงที่สุด, Lamborghini Urus, Bentley Bentayga, และ Rolls Royce Cullinan รุ่นที่แพงที่สุด โดยมีเพียง McLaren เท่านั้นที่ยังคงยื้อไม่ยอมรับแนวโน้มของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
2023 Ferrari Purosangue มีพื้นที่ห้องโดยสารสำหรับครอบครัว ประตูหลังแบบบานพับ ช่องสำหรับเก็บสัมภาระที่ใช้งานได้จริง และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งปี
แตกต่างจากคู่แข่งที่เลือกสร้างรถรูปทรง SUV, Ferrari ได้เลือกใช้รูปแบบตัวถังครอสโอเวอร์ ที่มีความสูงจากพื้นเพียง 62.6 นิ้ว (1,589 มิลลิเมตร) มันอาจทำให้เสียเปรียบคู่แข่งในเรื่องของเฮดรูม แต่มันช่วยให้ตัวรถมีรูปทรงที่ปราดเปรียวกว่า จุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่า (ด้วย ความช่วยเหลือจากแผงหลังคาคาร์บอนอีกเล็กน้อย) และนั่นน่าจะช่วยในเรื่องของการทรงตัวของรถ
ดีไซน์ภายนอกนั้นมีการดึงดีไซน์ของคูเป้ Roma มาใช้เยอะมาก อย่างเช่น ส่วนเอวของรถที่ถูกเว้า, รูปทรงของแผงดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังที่มีท่อไอเสียแบบ 4 ปลาย, และ ไฟหน้าและไฟท้ายที่เก็บรักษาความเป็น Roma เป็นอย่างดี นั่นทำให้ Purosangue มีความสง่างามที่ไม่มีคู่แข่งเทียบได้
นอกจากนี้ ประตูบานพับหลังยังทำให้ Purosangue มีความแตกต่างจากคู่แข่งอื่น ๆ ยกเว้น Rolls Royce Cullinan ในขณะที่ซุ้มล้อที่ดู ‘ลอย’ ได้ ทำให้ล้อขอบ 22 นิ้ว ที่ด้านหน้า และล้อขอบ 23 นิ้ว ที่ด้านหลัง ไม่ดูใหญ่ประหลาดจนเกินไป
สิ่งที่ Purosangue พยายามที่จะเหนือกว่า SUV สุดหรูคันอื่น ๆ นั้นอยู่ภายใต้ฝากระโปรงหน้าอันยาวเหยียด เครื่องยนต์ V6, V8, และ ไฮบริด มีแนวโน้มที่จะตามมาในอนาคต แต่สำหรับรุ่นเปิดตัวนั้นใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาดความจุ 6.5 ลิตร ให้กำลังออกมา 715 แรงม้า (hp) และแรงบิด 716 นิวตันเมตร พ่วงเข้ากับเกียร์ดูอัลคลัตช์ 8 สปีด ที่ถูกติดตั้งไว้ที่ด้านหลัง ซึ่งจะส่งกำลังไปยังล้อด้วยระบบขับเคลื่อน AWD
ชุดเกียร์ที่อยู่ด้านหลังของ Purosangue นั้นถูกจัดวางอยู่แบบเดียวกับรถ GT ของ Ferrari และนั่นช่วยให้การกระจายน้ำหนักหน้า-หลัง ของตัวรถนั้นอยู่ที่ 49 : 51
Aston Martin DBX707 นั้นมีกำลังที่ใกล้เคียงกับ Purosangue (697 แรงม้า (hp)) แต่ไม่ได้ถูกวางเครื่อง V12 แบบเดียวกัน เข่นเดียวกับ Lamborghini Urus ที่ให้กำลังเพียง 657 แรงม้า (hp) ส่วน Bentley Bentagya ถึงจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ W12 แต่ก็ทำกำลังได้เพียง 626 แรงม้า (hp) เท่านั้น และทั้ง 3 โมเดลข้างต้นพึ่งพาเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ช่วยลดเสียงรบกวน และเพิ่มการตอบสนองเพื่อส่งกำลัง
DBX และ Urus อ้างว่าสามารถที่จะทำอัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้เทียบเท่า Purosangue ที่ 3.3 วินาที และ DBX นั้นสามารถที่จะไล่ความเร็วปลายได้เทียบเท่า Purosangue เช่นกันที่ 310 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ Urus นั้นจะหมดแรงก่อนที่ 306 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่รถขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นแรกของ Ferrari แต่ก็เป็นรถรุ่นแรกที่มีระบบควบคุมการขับขี่ลงเขา ซึ่งเป็นบางสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว นอกจากนั้น มันยังเป็น Ferrari คันแรกที่มีเหล็กกันโคลงแบบแอคทีฟ ซึ่งทำงานโดยการใช้แดมเปอร์วาล์ว Multimatic ที่ถูกควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมันจะช่วยในเรื่องของข้อต่อเพลาบนพื้นต่างระดับ ในขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้แชสซีส์แข็งขึ้น เพื่อการขับขี่ในย่านความเร็วสูง
อย่างไรก็ตาม ตัวรถนั้นไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงความสูงพื้นรถได้ (ถูกตั้งไว้ที่ 7.2 นิ้ว (183 มิลลิเมตร)) ทำให้มันถูกจำกัดความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด
นอกจาก Purosangue จะเป็นรถ Ferrari ที่มีความแตกต่างจากคันอื่น ๆ ในค่าย การออกแบบภายในตัวรถเองก็แตกต่างจาก Ferrari คันอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้น SUV คันนี้อาจจะดูคล้ายกับ Roma ในภายนอก แต่ภายในนั้นแตกต่างกันมากพอสมควร โดยมันดูคล้ายกับภายในของ 296 GTB
ที่สำคัญคือ SUV ครอบครัวคันนี้ แทนที่จะมีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางเช่นเดียวกับ SUV ทั่วไป แต่มันกลับใช้หน้าจอข้อมูลขนาดใหญ่ในแต่ละฝั่งของที่นั่งแทน
Ferrari ยังคงไม่เปิดเผยราคาสำหรับ Purosangue แต่มีแนวโน้มว่ามันจะมีราคาเกือบ 400,000 เหรียญสหรัฐ ทำให้มันมีราคาที่สูงกว่า SUV คันอื่น ๆ ในตลาดเป็นอย่างมาก
อ้างอิง : carscoops.com
