Mercedes-Benz เปิดเผยยอดขายทั่วโลกจำนวน 2.389 ล้านคัน ในปี 2024 จากการเปิดตัวรถยนต์รวมกว่า 25 รุ่น The new E-Class ประสบความสำเร็จที่สุดเติบโตขึ้นถึง 65% ในส่วนของประเทศไทยลุยเสริมไลน์อัพรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% และเตรียมเปิดตัว Mercedes-AMG 3 รุ่นในงาน Motor Show
มาร์ทิน ชเวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในปี 2024 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรี แต่ยังคงสร้างผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง และเดินหน้าพัฒนาแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
สำหรับในปี 2025 ภายใต้วิสัยทัศน์ “Brand at Heart, Performance in Mind” ที่จะยกระดับการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ การขับเคลื่อนผลประกอบการทางธุรกิจ และการขยายไลน์อัพรถยนต์ให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า 100% ควบคู่ไปกับสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าผ่านกิจกรรมสุดพิเศษที่จะเข้าถึงไลฟ์สไตล์และยกระดับมอบประสบการณ์ของผู้บริโภคในทุกมิติ”
ในปีที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้เปิดตัวยนตรกรรมใหม่กว่า 25 รุ่น ครอบคลุมตั้งแต่เซกเมนต์ Entry Luxury ไปจนถึงรถยนต์ระดับ Top-End Luxury โดยโมเดลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือ The new E-Class ที่มีการเติบโตของยอดขายกว่า 65% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
และสามารถคว้ารางวัล “Best Performer” ประจำปี 2567 จากสถาบัน Euro NCAP แสดงให้เห็นถึงความเป็นที่สุดของยนตรกรรมที่มาพร้อมสมรรถนะและความปลอดภัยขั้นสูง
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้ตอกย้ำภาพลักษณ์ของผู้บุกเบิกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในตลาดลักชัวรี ด้วยการนำเสนอโมเดลใหม่อย่างต่อเนื่อง นำโดยรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นประกอบในประเทศ ดังนี้
- EQS 450 4MATIC SUV
- EQE 300 Sedan
- Mercedes-Maybach EQS 680 SUV
- G 580 with EQ Technology
- Mercedes-AMG CLE 53
โดยในปี 2025 นี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมเดินหน้าธุรกิจอย่างเต็มกำลัง เริ่มต้นด้วยการต่อยอดความสำเร็จของโมเดลล่าสุดอย่าง The new E-Class, CLE Coupé, EQE 300 Sedan, EQS 450 4MATIC SUV และอีกหลากหลายรุ่นจากทุกเซกเมนต์ของแบรนด์ รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จาก Mercedes-AMG พร้อมกันถึง 3 รุ่น ในงาน Motor Show 2025 เพื่อสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี
สำหรับโมเดลธุรกิจ “Retail of the Future” เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังคงสะท้อนความโดดเด่นในเรื่องของราคาจำหน่ายที่เท่าเทียมกันทั้งประเทศ ความโปร่งใสในขั้นตอนการซื้อรถ และการยกระดับประสบการณ์ในทุกมิติสำหรับลูกค้าทุกคน
รวมถึงการนำแนวคิด MAR20X (Mercedes-Benz Retail Experience) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการพัฒนาและออกแบบศูนย์บริการของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาปรับใช้ในประเทศไทย ครอบคลุมทั้งในด้านต่างๆ ดังนี้
- การยกระดับช่องทางการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Touchpoints)
- การพัฒนาบุคลากรและกระบวนการ (People & Process)
- การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) และการออกแบบสถาปัตยกรรม (Architecture)
โดยในปีที่ผ่านมา มีตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ กว่า 50% ที่เริ่มดำเนินงานภายใต้แนวคิด MAR20X และในปีนี้จะขยายสู่ 60% จนไปถึงในปี 2570 ที่บริษัทฯ วางแผนที่จะขยายให้ครอบคลุมมากกว่า 90% ของจำนวนตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการทั้งหมดในประเทศไทย
นายพุทธิ ตุลยธัญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการฝ่ายบริการลูกค้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า “สำหรับความสำเร็จในด้านการบริการลูกค้าในปี 2567 ที่ผ่านมา เรามีเครือข่ายศูนย์บริการเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมทั้งหมด 41 แห่ง และมีศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง (Certified Body & Paint Service Center) ที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาคกว่า 26 แห่ง
ในส่วนของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มียอดการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยแพ็กเกจ MBSP มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 12% พร้อมกับการเปิดตัวแพ็กเกจ MBSP Extra Guarantee Lite ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าเก่าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์จาก MBTires มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 84% และบริการ Digital Extras บนแพลตฟอร์ม Mercedes-Benz Store มียอดขายเพิ่มขึ้น 86%
นอกจากนี้ เรายังจัดแคมเปญต่าง ๆ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ Welcome Back Stars สำหรับการคืนสิทธิการรับประกันคุณภาพเดิมของ High Voltage Battery จนถึงอายุรถปีที่ 10 และการร่วมมือกับแบรนด์มิชลิน ในแคมเปญ Mercedes-Benz & Michelin Sustainability in Motion เพื่อช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
ทางด้านฝ่ายบริการลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมพัฒนาและนำเสนอบริการหลังการขายแก่ลูกค้าในทุกมิติ โดยมีแผนที่จะเปิดตัว Service Select Loyalty Program สำหรับลูกค้าเก่าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อมอบประสบการณ์การดูแลรถยนต์ทั้งในด้านการบำรุงรักษาและข้อเสนอพิเศษสำหรับชิ้นส่วนอะไหล่ StarParts รวมถึงการยกระดับประสบการณ์ด้านดิจทัลด้วยบริการ Digital Extras ที่จะมีแพ็คเกจเสริมอย่าง Entertainment Package Plus ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์วิดีโอสตรีมมิ่งและการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในรถยนต์ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความบันเทิงให้กับผู้ใช้งาน
อีกทั้งกิจกรรม Nationwide Service Clinics ที่จะจัดร่วมกับทีม Flying Doctor จากประเทศเยอรมนี ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อมอบการบริการและการดูแลรักษารถยนต์ที่เป็นมาตรฐานระดับโลก
Mercedes-Benz E-Class 2024 เปิดราคาท้าชน 5 Series เริ่ม 3.99 ล้าน