เข้าสู่ช่วงฤดูฝนอย่างเต็มรูปแบบกันแล้ว ตกได้ตกดี ตกไม่เว้นแต่ละวันแถมตกหนักอีกต่างหาก จนทำให้พื้นผิวถนนเจิ่งนองด้วยน้ำขังทุกพื้นที่ บางพื้นที่ก็น้ำท่วมสูงกันเลยทีเดียว นอกจากตัวผู้ขับขี่เองจะต้องคอยขับอย่างระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เรามักเห็นอยู่บ่อยครั้งคือการขับอย่างไม่ระมัดระวัง เพื่อนร่วมทางบนฟุตบาทหรือทางเท้าด้านข้าง หรือมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ริมทาง จนเป็นเหตุให้น้ำที่ท่วมขังที่พื้นกระเด็นสาดเข้าไปโดนบุคคลเหล่านั้นเต็มๆ เสื้อผ้าหน้าผมที่เค้าเตรียมตัวจะต้องไปทำงาน หรือทำธุระ รวมไปถึงข้าวของในมือได้รับความเสียหาย เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบหรือไม่??
วันนี้ Car2Day จะมานำเสนอบทลงโทษของคนเหล่านั้น ที่ได้สร้างความเสียหายแก่ผู้สัญจรไปมาบนทางเท้า โดยการขับรถผ่านเลยไป ไม่สนใจใยดี ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ต่อผู้เสียหาย ว่าเข้าข่ายกระทำผิดแล้วมีโทษปรับอย่างไรบ้าง
พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2552 มาตรา 43 ที่ว่าด้วยการขับขี่โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หากทรัพย์สินของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จากการที่รถยนต์ที่ขับมาเหยียบน้ำกระเด็นใส่ ถือว่าเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานทำให้เสียทรัพย์ ตามมาตรา 358 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รู้อย่างนี้แล้ว ในช่วงหน้าฝน ใครที่ต้องขับรถผ่านบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ก็ขอเตือนให้ระมัดระวังกันไว้ เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะโดนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย เสียเวลา เสียชื่อเสียง เสียเงินค่าปรับโดยไม่เจตนา ดังนั้นจึงควรขับรถอย่างไม่ประมาท มีสติ และที่สำคัญควรมีน้ำใจ เห็นใจกับเพื่อนร่วมทางทุกคน และทุกคันกันด้วยนะคะ