เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย ฉลองครบรอบ 100 ปี พร้อมเดินหน้าสร้างสีสันวงการยานยนต์ไทย ส่งยนตรกรรมใหม่เปิดตัวต่อเนื่อง ทั้งสปอร์ตโรดสเตอร์ NEW MG4 ELECTRIC, E-MPV ไซส์กลาง NEW MG MAXUS 7 และซีดานสุดหล่อ NEW MG5 PRO ในงานมอเตอร์โชว์ 2024
นาย ซู๋ว หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแบรนด์ เอ็มจี ในการสร้าง “สีสัน” ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเป็นการเดินหน้าแบรนด์สู่หมุดหมายใหญ่ในการเป็น Top 3 ของอุตสาหกรรม พร้อมสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางและทิศทางของแบรนด์ที่มุ่งขยายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligent) เข้ามาใช้ในการทำงาน รวมถึงแนะนำผลิตภัณฑ์ เอ็มจี ให้กับลูกค้าภายในงาน ด้วยยนตรกรรมที่มีความหลากหลาย เพิ่มทางเลือกให้ครอบคลุมในทุกไลฟ์สไตล์ โดย เอ็มจีนำทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่มาเปิดตัวพร้อมกันมากที่สุดถึง 4 รุ่น อีกทั้งยังมีแคมเปญพิเศษสำหรับยนตรกรรมที่ครบในทุกรูปแบบการขับเคลื่อน”
ครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน กับสปอร์ตโรดสเตอร์อีวี รุ่นสำคัญฉลองครบรอบ 100 ปี อย่าง NEW MG CYBERSTER
เปิดขบวนกับ “การกลับมาอีกครั้งของตำนานสปอร์ตโรดสเตอร์” (THE LEGEND IS BACK) ในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่งอย่าง NEW MG CYBERSTER ยนตรกรรมที่สร้างตำนานบทใหม่ ให้กับ เอ็มจี ด้วยภารกิจที่ทาง เอ็มจี ฉลองครบรอบ 100 ปี อย่าง “CHARGING INTO THE FUTURE” กับการเดินทางข้ามผ่านเส้นทางมากกว่า 25 ประเทศ รวมระยะทางกว่า 16,000 กิโลเมตร โดยฝาแฝด “THE TURNER TWINS” ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และในวันนี้ NEW MG CYBERSTER พวงมาลัยขวา พร้อมเปิดตัวเป็นประเทศแรกของภูมิภาคอาเซียน โดยถือเป็นยนตรกรรมรุ่นเรือธงของ เอ็มจี ในการบุกตลาดอีวีทั่วโลก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นจากการออกแบบโดย SAIC’s Advanced Design Studio ลอนดอน สหราชอาณาจักร สะกดทุกสายตาด้วยประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิดและหลังคาซอฟต์ท็อป กระจังหน้าเรียวยาว ไฟหน้าออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Eye of the Storm ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากธงยูเนียนแจ็ค เส้นด้านข้างของตัวรถมีความโค้งมน พร้อมล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสีทูโทน ตกแต่งด้วยวัสดุ Soft touch เบาะนั่งแบบ Y-Shape ที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ใช้วัสดุพรีเมียมอย่างหนังแบบ Nappa สลับหนัง Alcantara อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็นจอ Dashboard Triple-Screen ขนาด 7 นิ้ว ขนาด 10.25 นิ้ว และขนาด 7 นิ้ว จำนวน 3 จอเรียงต่อกัน พร้อมระบบอัจฉริยะ i-SMART ระบบเสียงคุณภาพจาก Bose พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง ในแง่ของสมรรถนะอัดแน่นด้วยขุมพลังมอเตอร์คู่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุดที่ 544 แรงม้า (400 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 3.2 วินาที มาพร้อมแบตเตอรี่ Ultra-Thin Rubik’s Cube ความจุ 77 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 503 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-link จัดเต็มด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 26 ระบบ ซึ่งครอบคลุมระบบความปลอดภัย ADAS ไว้อย่างครบถ้วน
ต่อยอดความสำเร็จของ “โกลบอลอีวีรุ่นยอดฮิต” กับประสบการณ์ครั้งใหม่ของ NEW MG4 ELECTRIC
NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็นต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุก พัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมจุดเด่นอันหลากหลาย อาทิ การกระจายน้ำหนัก แบบสมมาตร 50:50 ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity) ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension ทำให้ NEW MG4 ELECTRIC มีสมรรถนะและการควบคุมที่ดีเยี่ยม พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 26 ระบบ โดย เอ็มจี ได้ต่อยอดความสำเร็จของยนตรกรรมรุ่นนี้ ด้วยการเพิ่มรุ่นที่ถือเป็น ICON ของ NEW MG4 ELECTRIC อย่าง XPOWER ที่มาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.8 วินาที แบตเตอรี่ Rubik’s Cube Battery ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ภายนอกตัวถังสีใหม่สีเขียว Wild Hunter Green พร้อมด้วยหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ภายในให้ความสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุที่ใช้หุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่าพร้อมเพิ่มเติมระบบ One Pedal เข้ามา เฉพาะในรุ่น XPOWER
และรุ่นที่ผลิตจากสายการผลิตในไทยอย่าง รุ่น STANDARD RANGE (49kWh) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 423 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC และ รุ่น LONG RANGE (64kWh) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ที่พร้อมมอบ “ความเป็นที่สุด” ของ “แฮทช์แบ็คอีวีที่ขับสนุก” (THE BEST ENJOYABLE EV) โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมฟังก์ชันทั้งภายนอกและภายในรถ อาทิ ADAPTIVE GRILLE ช่วยระบายความร้อนของรถแบบอัตโนมัติ รวมถึงติดตั้งใบปัดน้ำฝนด้านหลัง หน้าจอสีระบบสัมผัสที่ปรับให้ใหญ่ขึ้นจาก 10.25 นิ้ว เป็นขนาด 12 นิ้ว เพิ่มช่องวางแก้วด้านข้างประตู และเพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip) 3 ตำแหน่ง
สำหรับรุ่น STANDARD RANGE มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER
และในรุ่น LONG RANGE มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมสีตัวถังใหม่สีส้ม (Fizzy Orange)
E-MPV ไซส์กลาง NEW MG MAXUS 7 ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากลุ่มครอบครัวสมัยใหม่
ในงานครั้งนี้ เอ็มจี ได้นำ NEW MG MAXUS 7 มาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสกับคันจริงของ E-MPV ไซส์กลาง ขนาด 7 ที่นั่ง มาพร้อมฟังก์ชันและฟีเจอร์ที่ทันสมัย งานดีไซน์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของ MG MAXUS Series ทั้งงานออกแบบและฟังก์ชันการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ประตูสไลด์ด้านข้างเปิดปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมฝาท้ายไฟฟ้า ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ภายในดูเรียบและหรูด้วยโทนสีดำและสีน้ำตาล ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Dual Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ห้องโดยสารให้ความสบายที่มากกว่า พร้อมที่นั่งแบบ Captain Seat ในแถวที่ 2 ที่โอบรับกระชับทุกสรีระ นอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่และการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกัน รวมถึงระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android Auto และยังสามารถเปลี่ยนรถให้เป็นแหล่งพลังงานได้ด้วยระบบ V2L ที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าระดับ 6.6 kW นอกจากนี้ NEW MG MAXUS 7 ยังเป็นยนตรกรรมที่มีสมรรถนะชั้นเยี่ยม ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิดที่ 350 นิวตัวเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 90 kWh ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนำมาจัดแสดงก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เอ็มจี ยังได้เปิดโอกาสให้คนไทยได้ Pre-booking เป็นเจ้าของ NEW MG MAXUS 7 ก่อนใคร ในงานนี้โดยสามารถจองล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ ของ เอ็มจี ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2567 ด้วยข้อเสนอพิเศษ จอง 10,000 บาท สามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 20,000 บาท
กล้าเป็นตัวเองในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร กับ NEW MG5 PRO
NEW MG5 PRO กับจุดเด่นของการเป็นสปอร์ตคูเป้ซีดานโดยโฉมล่าสุดนี้ เอ็มจี ปรับให้โฉบเฉี่ยวสะกดทุกสายตายิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ Black Chrome Gladius Grille Design เสริมความเป็นสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุ Smoke Chrome รอบคัน และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีดำ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่ คงจุดเด่นด้วยห้องโดยสารที่กว้างสุดในเซกเมนต์ จัดเต็มด้วยฟังก์ชันที่ให้มาครบครัน พร้อมดีไซน์สุดล้ำ โดยเฉพาะการออกแบบคอนโซลกลางแบบ Driver-focus cockpit ที่ให้องศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง หลังคาซันรูฟขนาดใหญ่ และคำนึงถึงผู้ใช้รถด้วยช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง หน้าจอทัชสกรีนขนาด 10 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย รวมถึงระบบกุญแจแบบ Digital Key ที่สามารถรับ-ส่งโค้ดผ่านทางแอพพลิเคชั่น i-SMART โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ท ให้ผู้ใช้งานรถมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว (ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM) สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Detection System ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ ระบบควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ถุงลมนิรภัย 6 จุด มาพร้อมสีตัวถังที่มีให้เลือกมากถึง 6 สี โดยมีสีใหม่อย่างสีเขียว Mineral Green เป็นสีไฮไลท์
พบกับ ทัพยนตรกรรมคุณภาพครบทุกรุ่นทุกรูปแบบการขับเคลื่อนของ เอ็มจี พร้อมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ และรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมายภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) ณ บูธ เอ็มจี หมายเลข A8 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายนนี้ และที่โชว์รูมและศูนย์บริการของเอ็มจีกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ