More

    MG ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้าในไทยด้วยเงินลงทุนกว่า 2.5 พันล้านบาท

    MG ค่ายรถยนต์อังกฤษ-จีน พร้อมแล้วที่จะนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยี อย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคยานยนต์ยุคใหม่

    MG

    MG

    โดยช่วงปีกลาย MG สร้างยอดขายรถยนต์รวมในไทยอยู่ที่ 31,005 คัน อัตราเติบโต 9.5 % ทั้งกลุ่มรถเก๋ง MG5 รถเอสยูวีที่มียอดขาย 16,104 คัน จาก 31,005 คัน (แบ่งเป็น MG ZS และ ZS EV ทำได้ 11,245 คัน และ MG HS กับ MG HS PHEV มียอดขายรวม 4,769 คัน) และรถไฟฟ้าที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึงกว่า 90% จาก MG EP ได้รับความนิยมมากขึ้นจากกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าองค์กร และติดตั้งสถานีชาร์จแบบเร็ว MG Super Charge จำนวน 120 แห่งทั่วประเทศMGMG

    แถมยังผลักดันผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยก้าวสู่ยุคใหม่ รุกตลาดรถไฟฟ้ารุ่นใหม่แบบ V2L ที่รถยนต์สามารถจ่ายไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นได้ การพัฒนาและการจัดการแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ MG ได้รับการอนุมัติจาก BOI ในการตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าและประกอบรถไฟฟ้าในประเทศเป็นที่เรียบร้อย​ แล้วเสร็จในช่วงปี 2023 ด้วยเงินลงทุนถึง 2.5 พันล้านบาท รวมถึงศึกษาและวิจัยเรื่องวิธีการจัดการแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วอีกด้วยและนับเป็นค่ายที่สองต่อจากค่าย Toyota ที่เริ่มทำวิธีจัดการแบตเตอรี่รถยนต์ในไทยเมื่อปี 2019 และการสร้างขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยทุกๆ 150 กิโลเมตรจะต้องมีเครือข่ายสถานีชาร์จอย่างน้อย 1 แห่งเพื่ออำนวยความสะดวกพร้อมเสริมความมั่นใจในการใช้รถยนไฟฟ้า

    MGMG

    ตลอดปี 2022 ทาง MG มั่นใจว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศจะเติบโตขึ้นโดยมียอดขายรวมอยู่ที่ 800,000 – 850,000 คัน  และตอบสนองความต้องการด้วยการแนะนำรถใหม่ทั้งเครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์พลังงานทางเลือก สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย โดยในเดือนมีนาคมนี้จะประเดิมด้วย MG ZS EV รุ่นปรับโฉมที่มาพร้อมพลังไฟฟ้า 2 สเปกพัฒนาใหม่ 51kWh ให้กำลังมากถึง 177 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร บนเพลาหน้า วิ่งไกลสุด 320 กม. และรุ่นท็อปสุด 72kWh วิ่งไกลสุด 440 กม. ให้พลัง 204 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร เร่งความเร็ว 0-50 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที, 0-100 กม./ชม. ใน 8.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 175 กม./ชม. และอาจมีรุ่นอื่นๆตามมาทั้ง MG HS รุ่นปรับโฉมทั้งเบนซินเทอร์โบและ เสียบปลั๊ก PHEV และ MG ONE

    MG

    ทั้งนี้ทาง MG ยังเชื่อมั่น “ศักยภาพของประเทศไทย” เทียบชั้นอุตสาหกรรมยานยนต์โลกได้อย่างแน่นอนจากนโยบายรวมถึงมาตรการและแนวทางสนับสนุนที่มีอย่างต่อเนื่อง จะทำให้เมืองไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตทัดเทียมอุตสาหกรรมยานยนต์โลกจะช่วยสร้างจุดเปลี่ยนและยกระดับประเทศไทยได้ ถือได้ว่าในวันนี้ประเทศไทยก้าวมาไกลทัดเทียมกับประชาคมโลกอย่างที่ MG ตั้งใจไว้ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้คนไทยได้ใช้รถที่มีระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะและระบบการขับขี่อัตโนมัติที่ให้ความสะดวกสบายและความปลอดภัยกับผู้ขับขี่เพิ่มมากขึ้นควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

     

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts