More

    ศาลตัดสิน! Toyota ต้องจ่ายกว่าหมื่นล้านเซ่นคดีภาษี Prius

    จากคดีข้อพิพาทการจัดเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ Toyota Prius ระหว่าง Toyota และ กรมศุลกากร ที่ยืดเยื้อกันมานาน

    ToyotaToyota

    ล่าสุด ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร พิพากษาให้ทาง Toyota เป็นฝ่ายแพ้คดีการจัดเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่ Toyota Prius ต้องจ่ายคิดเป็นทุนทรัพย์รวมหมื่นล้านบาทเศษและต้องชำระภาษีภายใน 30 วัน ตามคำสั่งศาล โดยข้อมูลตามเอกสารประชาสัมพันธ์ของทางศาลฎีกาเกี่ยวกับคดีนี้ระบุว่า

    วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2565 องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังศาลภาษีอากรกลาง คดีระหว่างบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด โจทก์ กรมศุลกากร จำเลยที่ 1 และกรมสรรพากรจำเลยที่ 2 รวม 10 คดี คิดเป็นทุนทรัพย์รวมหมื่นล้านบาทเศษ

    คดีทั้งสิบเรื่องโจทก์ฟ้องว่า ระหว่างปี 2553 ถึง 2555 โจทก์นำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อนำมาผลิตรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส โดยอาศัยสิทธิตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 และมาตรา 14 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 และตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (JTEPA) โจทก์จึงขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์จำเลยทั้งสองให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

    ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร เห็นว่า ชิ้นส่วนรถยนต์ที่โจทก์นำเข้าเมื่อประกอบเข้าด้วยกันแล้วมีลักษณะอันเป็นสาระสำคัญขอรถยนต์โตโยต้า รุ่นพรีอุส และสามารถนำไปประกอบเป็นรถยนต์โตโยต้ารุ่นพรีอุส ได้ทันที จึงต้องจำแนกเข้าประเภทพิกัดของชิ้นส่วนที่สมบูรณ์หรือสำเร็จแล้วที่นำเข้ามาโดยถอดแยกออกจากกันหรือยังไม่ได้ประกอบเข้าด้วยกันในฐานะที่เป็นชิ้นส่วนครบชุดสมบูรณ์ ประเภทพิกัด 8703.23.81 หรือ 8703.23.51 (ตามช่วงเวลาที่นำเข้า) ตามหลักเกณฑ์การตีความพิกัดอัตราศุลกากร ข้อ 1 ข้อ 2 (ก) และข้อ 6 ในภาค 1 ท้ายพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 จึงไม่ได้รับยกเว้นอากรและลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ออกมาเพื่อให้เป็นไปตามความตกลง JTEPA และไม่ได้รับสิทธิยกเว้นอากรตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ 18) ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2553 ทั้งไม่ได้รับสิทธิลดอัตราอากรในอัตราอากรขาเข้าร้อยละ 30 ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศลกากร พ.ศ. 2530 การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ให้คิดอัตราอากรขาเข้าร้อยละ 80 ชอบแล้ว ส่วนประเด็นอื่นศาลไม่รับวินิจฉัย พิพากษายืน

    Toyota

    โดยหลังจากที่มีคำตัดสินออกมาทาง บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ทำหนังสือชี้แจงเกี่ยวกับคดีนี้ผ่านทางเว็บไซต์ Toyota.co.th โดยมีเนื้อหาดังนี้

    ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาคดีพรีอุส ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับการตีความอัตราอากรขาเข้าสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จึงใคร่ขอแถลงการณ์เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าวดังต่อไปนี้
    “บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด (“บริษัทฯ”) ขอแสดงความเคารพต่อคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนี้มีประเด็นเกี่ยวกับการตีความข้อกฎหมายซึ่งยังไม่เคยมีการวินิจฉัยมาก่อน และเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์และข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น กล่าวคือ บริษัทฯ ได้ใช้สิทธิประโยชน์ตามอนุสัญญาระหว่างสองประเทศ ที่เรียกว่าความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) เพื่อลดอัตราอากรขาเข้าในการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุส ซึ่งในปี 2553 หน่วยงานราชการของไทยที่เกี่ยวข้องได้อนุมัติการใช้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ จึงมีความเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าดังกล่าวอย่างถูกต้องมาโดยตลอด

    อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2555 กรมศุลกากรได้ตีความกฎการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์พรีอุสในแนวทางซึ่งแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีภาระภาษีและอากรขาเข้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก คำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ได้ตีความในแนวทางเดียวกันกับการตีความของกรมศุลกากร ดังนั้น เมื่อบริษัทฯ ได้รับสำเนาคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว บริษัทฯ จะศึกษารายละเอียดของคำพิพากษา และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ต่อไป

    บริษัทฯ ขอยืนยันว่า บริษัทฯ ยึดมั่นที่จะประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยและพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อให้ลูกค้าในประเทศไทยได้รับความพึงพอใจสูงสุด และเพื่อส่งเสริมพันธกิจขององค์กรในการขับเคลื่อนความสุขสู่สังคมไทย”

    Toyota
    นอกจากทางเว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจรายงานต่อว่าทางกรมศุลกากรต้องให้ทาง Toyota ชำระค่าภาษีอากรต่อกรมศุลกากรรวม 1 หมื่นล้านบาทภายใน 1 เดือนหลังจากวันที่มีคำพิพากษา โดยนายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า
    “เมื่อศาลสั่งแล้ว บริษัทต้องชำระภาษีอากรที่ขาดไปภายใน 30 วัน หลังได้รับคำสั่งศาล โดยบริษัทไม่สามารถอุทธรณ์ได้อีกแล้ว เพราะคำสั่งศาลดังกล่าวถือเป็นที่สิ้นสุด และทางกรมศุลฯก็ไม่ต้องทำหนังสือไปยังบริษัทด้วย สำหรับเม็ดเงินภาษีที่ต้องชำระนั้น ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท” โฆษกกรมศุลกากรกล่าว ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะบริษัทเสียภาษีไม่ครบถ้วน โดยบริษัทสำแดงการนำเข้าสินค้าในลักษณะชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งจะได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีตามความตกลงระหว่างไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ(JTEPA) และอาศัยสิทธิตามประกาศกระทรวงการคลังเรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 และ 14 แห่ง พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530

    กรมศุลฯเห็นว่า การนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ดังกล่าวนั้น เป็นการนำเข้ามาเพื่อประกอบรถยนต์ได้ทันทีทั้งคัน จึงไม่ควรได้รับการยกเว้นอากร และลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ออกมา จึงต้องเสียภาษีในอัตรา 80% ไม่ใช่ 30% ตามที่บริษัทได้ชำระไว้

    ที่มา ประชาชาติธุรกิจ, Toyota, สำนักข่าวอิศรา

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts