สร้างความประหลาดใจกันอีกครั้งหลังจากที่ Hyundai Mobility ประเทศไทย เปิดตัวบริษัทรวมถึงเปิดตัวเอ็มพีวีเล็กรุ่นแรกภายใต้ทีมเกาหลีบริหารเอง
ได้รับการตอบรับที่ดีจากสาวกรถเกาหลีที่ชื่นชอบเป็นทุนเดิมแต่งานนี้เรียกว่าบิ๊กเซอร์ไพรส์ก็เป็นได้เมื่อทีมงาน Car2Day ได้รับข้อมูลมาว่าทาง Hyundai Mobility ประเทศไทยเปิดรับจองเงียบๆทั้งสองรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Hyundai IONIQ 5 และ Hyundai IONIQ 6 ตั้งแต่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมาและเตรียมที่จะนำเข้ามาขายไทยช่วงเดือน พฤษภาคม หรือ มิถุนายนนี้ โดยนำเข้ารุ่นละ 50 คัน รวม 100 คัน
สำหรับ Hyundai IONIQ 5 มาในร่างเอสยูวีทรงล้ำอนาคต โดยได้แรงบันดาลใจจาก Hyundai PONY สร้างจากแพลตฟอร์ม Hyundai E-GMP หรือ Electric-Global Modular Platform (E-GMP) พร้อมภายในมีหลังคาเปิดรับแสงแถมมีแบบ Solar Roof เพิ่มกำลังไฟฟ้าให้วิ่งไกลมากขึ้นได้ ชุดเครื่องหนังใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งวัสดุจากการรีไซเคิลในทุกส่วนของภายในและมาตรวัดดิจิทัล Integrated display ขนาด 12.3 นิ้ว แสดงข้อมูลต่างๆ นอกจากนี้ยังมีหน้าจอความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้วอยู่ในชุดเดียวกับมาตรวัด
ขุมพลังมีทั้งแบบ Standard range และ Long range ด้วยความจุแบตเตอรี่ 77.4 kWh ขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังมากสุด 228 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลังวิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 507 กม. ตามมาตรฐาน WLTP อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.3 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 4.6 วินาที
กับรุ่น AWD แรงสุด 325 แรงม้า แรงบิด 605 นิวตันเมตร (มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหน้า 101 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร กับ มอเตอร์ขับเคลื่อนล้อหลัง 224 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร) วิ่งไกลสุดกต่อการชาร์จ 454 กม. ตามมาตรฐาน WLTPอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.1 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 3.4 วินาที
โดยทุกขนาดความแรงทำความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. คู่กับเกียร์ จับคู่กับเกียร์ 1-Speed reduction gear พร้อมโหมดการขับขี่ 3 โหมดทั้ง Eco, Normal, Sport & Snow พร้อมหัวชาร์จแบบ Type 2(AC) / CCS2(DC) ชาร์จได้ทั้งแบบชาร์จช้า AC กำลังไฟสูงสุด 10.5 kW 0-100% 11.45 ชั่วโมง ชาร์จเร็ว DC รองรับกำลังไฟสูงสุด 50 kW 10-80% ได้ 73 นาที และ DC, รองรับกำลังไฟสูงสุด 350 kW 10-80% ได้ 18 นาที และยังสามารถใช้ Vehicle-to-Load (V2L) กำลังไฟสูงสุด 3.6 kW
ทางด้าน Hyundai IONIQ 6 เก๋งพลังไฟฟ้าดีไซน์แปลกตรงที่ด้านท้ายคล้ายกับ Porsche 911 ตั้งแต่ไฟท้าย LED แนวยาว พร้อมสปอยเลอร์หลังสองชั้นในตำแหน่งฝาท้าย กระจกหลังโดยเฉพาะกระจกหลังมีไฟเบรก LED มาให้ สร้างจากแพลตฟอร์ม Hyundai E-GMP หรือ Electric-Global Modular Platform (E-GMP) พร้อมภายในล้ำอนาคตด้วยจอสัมผัสขนาดใหญ่ 12 นิ้วที่มีทั้งชุดมาตรวัดและจอสัมผัสรองรับระบบความบันเทิง วัสดุภายในรถผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ขุมพลังไฟฟ้ามีให้เลือกด้วยความจุแบตเตอรี่เดียวกัน 77.4 kWh มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว permanent magnet synchronous รุ่น EM07 228 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.4 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 614 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ permanent magnet synchronous ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD รุ่น EM17 โดยมอเตอร์ด้านหน้าให้กำลัง 100 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตร และมอเตอร์ด้านหลัง EM07 225 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 325 แรงม้า แรงบิด 605 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 5.1 วินาที และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 3.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 185 กม./ชม. วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้งทำได้ 519 กม. ตามมาตรฐาน WLTP
รองรับการชาร์จเร็วกระแสตรง DC ให้กำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 350 kW 0-80% ชาร์จได้นาน 18 นาที และให้กำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 50 kW 0-80% ชาร์จได้นาน 73 นาที และ AC กระแสสลับ ให้กำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 10.5 kW ชาร์จได้นาน 11.45 ชั่วโมง และยังสามารถจ่ายกระแสไฟ V2L กำลังไฟสูงสุด 3.6 kW
