ถึงแม้ความเคลื่อนไหว Mazda 2 เจเนอเรชันที่สี่ ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะเปิดตัวช่วงไหนแต่ที่แน่ๆเจเนอเรชันที่สามยังจำหน่ายต่อไป
ชนิดที่เรียกว่าแม่พิมพ์ไม่พังก็ไม่เปลี่ยนเจน ล่าสุด Mazda เปิดตัวรุ่นปรับโฉมเป็นครั้งที่สองของ Mazda 2 ซับคอมแพคคาร์ยอดนิยมยาวนาน 9 ปี ปรับตั้งแต่กระจังหน้า Signature Wing ปรับดีไซน์แบบขอบดำเข้มสองแบบทั้งแบบตาข่ายสีดำ และ แบบครึ่งตาข่ายครึ่งปิดทึบสีเดียวกับตัวรถรับกับกันชนหน้าดีไซน์ใหม่คาดสีดำ
ล้ออัลลอยกับกระทะล้อ มีการปรับในส่วนของกระทะล้อขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R15 ในรุ่น BD ส่วนล้ออัลลอยลายเดิม 15 นิ้วยังคงอยู่ในรุ่น Sunlit Citrus และลายใหม่ 16 นิ้วพร้อมยาง 185/60 R16 ปลายท่อไอเสียขัดเงา สีภายนอกสีทูโทนหลังคาสีดำ ในรุ่น Sport กับ Sport+
กันชนหลังคิ้วโครเมียม พร้อมไฟท้าย LED ตกแต่งใหม่ด้วยหลังคาสีดำ และ เสาอากาศครีบฉลามสีดำ ซึ่งจะเป็นออปชันของแต่ละรุ่น
ภายในดีไซน์เดิมแต่ปรับสีสันใหม่กับโทนสีการตกแต่ง ตั้งแต่รุ่น Sunlit Citrus หรูด้วยเบาะกึ่งหนังแท้สลับหนังกลับขาวขลิบเหลือง ตกแต่งโทนสีดำสีขาว ตั้งแต่แผงคอนโซลหน้า แผงประตู แผงคอนโซลเกียร์ ช่องแอร์ขลิบสีเหลือง กุญแจรีโมทตกแต่งพิเศษด้วยสีเหลืองกับสีเงินเงา และพรมปูพื้น
รุ่น BD มีชุดแต่งแผงหน้าคอนโซลหน้าและคอนโซลเกียร์สามสีให้เลือก คือ สีขาว Pure White, สีดำ Mirror Black หรือสีมินท์ Mint ขึ้นอยู่กับสีภายนอก
ในขณะที่รุ่น Sport และ Sport+ เพิ่มการตกแต่งภายในสีดำ เย็บด้ายสีแดง ช่องระบายอากาศโดยรอบ สำหรับรุ่น GT ยังมีแผงคอนโซลหน้าสีแดง ตัดสีดำ
พร้อมออปชันเดิมทั้ง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมฟังก์ชันความจำ กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ รวมถึงระบบความบันเทิง Mazda Connect รองรับ Apple Carplay และ Android Auto บนจอสัมผัส 7 นิ้ว ที่ชาร์จมือถือไร้สาย และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน และ Paddle Shift
สเปกญี่ปุ่นยังคงเดิมกับ SKYACTIV ทั้งเบนซิน SKYACTIV-G 1.5 ลิตร รหัส P5-VPS 110 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 6 สปีด
ดีเซลเทอร์โบ SKYACTIV-D รหัส S5-DPTS 1.5 ลิตร 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-DRIVE 6 สปีดและแรงบิด 220 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที ในรุ่นเกียร์ธรรมดา SKYACTIV-MT 6 สปีด ทั้งสองขนาดเลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ
พร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ช่วยให้ควบคุมแรงบิดเครื่องยนต์เพื่อความแม่นยำในการถ่ายทอดกำลังลงล้อ ส่งผลให้การขับขี่ทางโค้งราบรื่นและความปลอดภัย i-Activsense
Mazda 2 Facelift ปรับรอบใหม่สีสันใหม่ด้วย 2 สี ได้แก่ สีเทา Aero Grey Metallic และ สีน้ำเงินอ่อน Airstream Blue Metallic ขายที่ญี่ปุ่นปลายเดือนมีนาคมนี้ ในราคาเริ่มต้น 1,529,000 – 2,541,000 yen หรือราว 389,000-645,000 บาท ราคานี้ไม่รวมภาษีนำเข้า
แต่ถ้านำมาขายในไทยราคารวมภาษีจะอยู่ที่ 1,119,000-1,859,000 บาท ส่วนออสเตรเลียมา กรกฎาคมนี้ ทางด้านเมืองไทยมีแนวโน้มพบกันที่ Bangkok Motor Show 2023
ที่มา Car Watch
