2023 Polestar 2 EV ได้ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่ ซึ่งถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของมันจะยังเหมือนเดิม แต่ภายใต้ตัวถังนั้นได้มีการอัปเดตแบตเตอรี่ใหม่เข้ามา
Polestar 2 รุ่น Standard ที่ขายในยุโรป เป็นรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงแบตเตอรี่ใหม่ โดยมันได้ถูกปรับปรุงเคมีของเซลล์แบตเตอรี่ทำให้มันเพิ่มความจุจาก 61 kWh ไปเป็น 69 kWh ส่งผลให้การทดสอบ WLTP มีระยะทางที่เพิ่มขึ้นจาก 439 km ไปเป็น 474 km นอกจากนั้นฮีทปั๊มใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในชุดแบตเตอรี่ยังช่วยควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงทำงานที่เหมาะสม และนั่นจะช่วยให้ระยะทางวิ่งในการใช้งานจริงเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ไม่เพียงแต่ระยะทางที่เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น การปรับปรุงแบตเตอรี่ยังทำให้มันเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดย Polestar ได้จับมือกับ Circulor ในการใช้ความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อให้แน่ใจว่าแหล่งที่มาของแร่ธาตุที่นำมาใช้ในแบตเตอรี่นั้นมาจากผู้ผลิตที่มีความรับผิดชอบ
สำหรับเคสแบตเตอรี่อะลูมิเนียมนั้นจะมาจากซัพพลอยเยอร์ที่ใช้พลังงานหมุนเวียนเท่านั้น ซึ่ง Polestar กล่าวว่าจะส่งผลให้การปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถูกลดลงถึง 750 kg ต่อรถหนึ่งคัน
ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ใน Polestar 2 นั้น จะมีล้อมาตรฐานขอบ 19 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ และล้อตัวเลือกขอบ 20 นิ้ว, ม่านบังแดดแบบถอดได้สำหรับหลังคากระจกพาโนรามา, และ ตัวเลือกสีใหม่ นอกจากนั้นถึงแม้ว่าหนังวีแกนจะเป็นตัวเลือกที่เป็นที่นิยมมาก แต่ก็ยังมีหนังนิ่มเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการ
Polestar ยังได้นำเสนอตัวกรองอากาศภายในห้องโดยสารขั้นสูงและเซนเซอร์ตรวจจับอนุภาคภายในห้องโดยสารที่อัปเกรดมาใหม่ ซึ่งมันสามารถทำงานคู่กับแอพใหม่ในรถเพื่อให้คุณทราบสถานะของคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร
“ในการอัปเดตโปรแกรมของเรา เราต้องการดำเนินการปรับปรุงที่สามารถสร้างผลกระทบด้านความยั่งยืนในเชิงบวกได้อย่างรวดเร็ว แทนที่จะต้องปรับโฉมกันแบบกลางๆ” Fredrika Klarén หัวหน้าฝ่ายความยั่งยืนของ Polestar กล่าว “โปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์เป็นเรื่องปกติในอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่เรากำลังขยายแนวทางของโปรแกรมที่ Polestar ซึ่งมันได้รวมสิ่งเหล่านี้เข้ากับโปรแกรมการลด CO2 ด้วย”
สำหรับราคานั้น Polestar 2 รุ่นมอเตอร์เดี่ยว จะมีราคาเริ่มต้นที่ $48,400 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากโมเดลปีที่แล้ว $2,500 ในขณะที่ Polestar 2 รุ่นมอเตอร์คู่ จะมีราคาอยู่ที่ $51,900 หรือเพิ่มขึ้นจากโมเดลปีก่อน $2,000 และคาดว่าจะส่งมอบรถคันแรกได้ในเดือนกันยายนปีนี้
อ้างอิง : carscoops.com
