และแล้วก็มาถึงที่สุดของ BMW i7 เก๋งซาลูนพลังไฟฟ้าล้วนที่เพิ่มทางเลือกสำหรับสาวกที่ชอบความหรูหรามากกว่าออปชันเยอะกว่าและความจัดจ้านที่มากกว่า
จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว BMW i7 M70 xDrive รุ่นท็อปสุดของตระกูล i7 โดยเปิดตัวครั้งแรกที่งาน Shanghai Auto Show 2023 อย่างเป็นทางการ ภายนอกปรับเปลี่ยนเล็กน้อยให้สมกับความเป็นรุ่นท็อปตั้งแต่ กระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่สีดำเงาล้อมรอบด้วยไฟเรืองแสงเพิ่มความโดดเด่น ติดโลโก้ M หลายจุดทั้งบริเวณกระจังหน้า แก้มด้านข้าง ฝาท้าย กระจกมองข้างสไตล์ M แบบมีปีกส่วนบนเพิ่มความดุไปอีกแบบ ล้ออัลลอยลายเข้มสีดำ Jet Blackขนาด 21 นิ้วน้ำหนักเบาหุ้มด้วยยางแบบสปอร์ตด้วยยางหน้าขนาด 255/40 R 21 และยางหลังขนาด 285/35 R 21 พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีน้ำเงินและจานเบรกขนาดใหญ่
และออปชันเดิมๆไม่ว่าจะเป็นสร้าง ไฟหน้า Crystal LED ตาสองชั้น ส่วนบนจะเป็นไฟ LED Daytime พร้อมเส้นแนวนอนคั่นกลางไว้ถัดลงมาเป็นไฟหน้า LED ดีไซน์เพรียวลงกว่าเดิม แถมออกแบบชุดกันชนหน้าให้เป็นหนึ่งเดียวกับอย่างลงตัว ด้านข้างพร้อมดีไซน์ที่ทันสมัย ที่เปิดประตูแบบซ่อนรูปเนียนกับตัวถังไฟท้าย LED ที่เพรียวลงพอๆกับ ด้านหน้าและกันชนหลังที่ลงตัวและย้ายชุดป้ายทะเบียนมาไว้ในชุดกันชนหลังเป็นครั้งแรกในตระกูล i7 และ 7 Series
ห้องโดยสารยังคงมอบความหรูหราเหนือระดับเช่นเดิม อภิมหาจอสัมผัสก็ว่าได้เพราะเขาใจดีให้มาตั้ง 31.3 นิ้ว แบบ BMW Theater Screen ลอยตัวติดบนหลังคา จอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display ที่รวมทั้งจอมาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว และจอสัมผัส 14.9 นิ้ว มาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแบบลอยตัวพร้อมระบบ iDrive 8.5 เวอร์ชันล่าสุดพร้อมการแสดงผลตามสไตล์ M มีฟังก์ชัน “QuickSelect” ปรับตั้งช่องทางลัดในการปรับโหมดขับขี่อย่างรวดเร็ว
มีผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant มาให้ด้วย และการตกแต่งภายในใหม่ทั้งแถบไฟบนแผงคอนโซลหน้ากับแผงประตู Ambient Light พร้อมปุ่มควบคุมแบบจอสัมผัสด้านหลังติดแผงประตู 5.5 นิ้ว พร้อมหลังคารถแบบ Sky Lounge panoramic ไฟ LED ส่องสว่างในห้องโดยสาร เด็ดสุดก็คือลำโพงขั้นเทพ Bowers & Wilkins ระดับขั้นสูง Diamond Sound 4D ให้รอบคันถึง 36 จุด กำลังขับ 1,965 วัตต์
จอแสดงข้อมูลบนแผงคอนโซลหน้า Head Up Display เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิถึง 4 โซน ทั้งสามรุ่นยังมาพร้อมวัสดุบุหลังคา M Alcantara ส่วนภายในตัวรถตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ถักด้วยวัสดุสีเงินแบบ M คอนโซลกลางสีดำเงาแบบ Piano Finish Black และความจุสัมภาระท้าย 500 ลิตร
แน่นอนที่สุดว่ารุ่นท็อปรุ่นนี้มาพร้อมพลังไฟฟ้าล้วน eDrive ด้วยความจุแบตเตอรี่ 101.7 kWh โดยชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ติดตั้งด้านล่างตัวถัง โดยมอเตอร์ไฟฟ้าเพลาหน้าให้กำลัง 258 แรงม้าที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิด 365 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบ/นาที และ มอเตอร์ไฟฟ้าเพลาหลังให้กำลัง 489 แรงม้าที่ 13,000 รอบ/นาที แรงบิด 650 นิวตันเมตรที่ 0-5,000 รอบ/นาที เมื่อรวมกันได้แรงม้าสูงสุด 660 แรงม้า แรงบิด 1,100 นิวตันเมตร
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ วิ่งไกลสุด 488-560 กม.(WLTP) ความเร็วสูงสุด 250 กม. 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.7 วินาที การชาร์จเริ่มที่ชาร์จช้าแบบ Wallbox (AC 3 เฟส รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 22 kW) จาก 10-100% ใช้เวลา 5.5 ชม. และชาร์จเร็ว DC รองรับการชาร์จด้วยกำลังสูงถึง 195 kW จาก 10-80% ใช้เวลา 34 นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Two-Stage Single Speed
พร้อมโหมด “Max Range” จะจำกัดกำลังขับเคลื่อนและความเร็วสูงสุด รวมทั้งจำกัดการใช้งานฟังก์ชันอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในรถ ซึ่งจะส่งผลให้ระยะทางวิ่งเพิ่มขึ้นอีก 15-25% จะจำกัดความเร็วรถที่ 90 กม./ชม. ตัดการทำงานระบบปรับอากาศ ระบบปรับอุ่นเบาะและพวงมาลัยพร้อมช่วงล่างสไตล์ M แบบถุงลมปรับสูง-ต่ำตัวรแบบอัตโนมัติและปรับด้วยตัวเองได้ ติดตั้งชิ้นส่วนเสริมกระจายแรงบริเวณคานหน้าและเบ้าโช้คหน้าเสริมประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนด้วย Integral Active Steering และ Active Roll Stabilization
BMW i7 M70 xDrive เป็นสีทูโทนสุดเก๋ที่มีให้เลือกมากกว่า 100 สี โดยจะขายจริงทั่วโลกเร็วๆนี้ส่วนเมืองไทยจะได้สัมผัสหรือไม่ต้องติดตาม
ที่มา BMW