BMW พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวเอสยูวีใหม่นั่นก็คือ BMW X3 เจเนอเรชันที่ 4 สานต่อความสำเร็จของเจนปัจจุบันที่กลายเป็นรถปลายรุ่นโดยอัตโนมัติ
ล่าสุดทาง Motor 1 รายงานว่าทาง BMW เลือกประเทศแอฟริกาใต้เป็นฐานการผลิตและส่งออก BMW X3 เจเนอเรชันที่ 4 ในรูปแบบขุมพลัง Plug In Hybrid โดยจะผลิตที่โรงงาน BMW ที่เมือง Rosslyn ซึ่งเป็นโรงงานเก่าแก่อีกที่มีอายุถึง 55 ปี ด้วยการลงทุนถึง 218 ล้านดอลลาร์หรือราว 7,695,000,000 บาท ในการพัฒนาเครื่องจักรการประกอบให้ทันสมัยขึ้นซึ่งจะเริ่มผลิตในปี 2024
แน่นอนว่าเจนใหม่ของเอสยูวีจากเมืองมิวนิกคันนี้ยังผูกขาดกับเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส B48B20A 190 แรงม้าที่ 4,400-6,500 รอบ/นาที แรงบิด 310 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบ/นาที จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลัง 299 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร
พร้อมแบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน Gen 4 รุ่นใหม่ ที่มีขนาดความจุ 12 kWh ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. โดยโหมด HYBRID ที่ใช้พลังไฟฟ้าก่อนสลับไปเป็นพลังเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันในความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. ส่วนโหมด ELECTRIC เร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. ในระยะทางขับขี่สูงสุดที่ 55-68 กิโลเมตร ในรุ่น X3 xDrive 30e
ส่วนสันดาปล้วนยังมีดีเซลเทอร์โบดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร รหัส B47D20B 197 แรงม้าที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,750 รอบ/นาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 11 แรงม้า แรงบิด 25 นิวตันเมตรจากระบบ Mild Hybrid ที่มีขนาด 48 โวลต์
ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เพื่อมอบพละกำลังรวมสูงสุด 208 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 425 นิวตันเมตรให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ความเร็วสูงสุด 228-233 กม./ชม. ในรุ่น X3 xDrive 20d โดยใช้สถาปัตยกรรม Neue Klasse EV สำหรับ BMW iX3 เจเนอเรชันใหม่ โดยจะเปิดตัวทั่วโลกช่วงคต้นปี 2024 ก่อนขายจริงในปีเดียวกันส่วนเมืองไทยมาแน่อน
ที่มา Motor 1