More

    BYD Sealion 6 เปิดตัวตัดหน้าไทยที่ออสเตรเลียเริ่ม 1.185 ล้านบาท

    เรียกว่าเป็นการตัดหน้าเมืองไทยอย่างจังเมื่อ BYD เปิดตัวและประกาศราคา BYD Sealion 6 หรือ BYD SEAL U เอสยูวีรุ่นใหม่พลังปลั๊กอินไฮบริด

    BYD

    หนึ่งในตระกูล OCEAN หน้าตาคล้ายเวอร์ชันไฟฟ้าแต่จุดต่างตรงที่ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียว มีช่องระบายอากาศแนวนอนสามชั้นตรงกลางของชุดกันชนหน้า ประกบคิ้วสีเงินสองเส้นซ้าย-ขวาบนมุมกันชน  กระจังหน้าแบบไร้ขอบ โค้งมนคล้ายหยดน้ำ พร้อมไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL LED ใต้ชุดไฟหน้าแบบรูปตัวซี ภายใต้คอนเซ็ปต์ OCEAN X กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง

    ไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันขนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา มีคำว่า BํYD บนฝาท้ายรถ หลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ ล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง 235/50R19 ตัวรถมาในร่างเอสยูวีไซซ์ใหญ่ D-Segment

    ตั้งแต่ความยาว 4,775 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,890 มิลลิเมตร ความสูง 1,670 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,765 มิลลิเมตร น้ำหนักรถ 1,940 กิโลกรัม ระยะต่ำสุดจากพื้น 155 มิลลิเมตร  น้ำหนักรถ 1,940-2,100 กิโลกรัมและความจุถังน้ำมัน 60 ลิตร

    BYDภายในปรับโทนสีภายในเป็นสีดำน้ำตาล หรือ สีเทาน้ำเงิน เน้นความล้ำสมัยพร้อมออปชันดังนี้ จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน  มาตรวัดความเร็ว 12.3 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวหลังแบ่งพับ 60:40 เพื่อขยายพื้นที่ในการขนสัมภาระมาถึง 1,449 ลิตร กรณีพับเบาะและมีพื้นที่ถึง 574 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ

    BYD

    เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดสามก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย 2 จุด หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด

    มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร รหัส BYD472ZQA 98 แรงม้า แรงบิด 122 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมถึง 218 แรงม้า แรงบิด300 นิวตันเมตร  จากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh แบบ BYD Blade (LFP) วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 92 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC และต่อการชาร์จและการเติมน้ำมัน 1ครั้ง วิ่งไกล 1,092 กิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที ในรุ่น Dynamic

    BYDทางด้านรุ่น Premium AWD ขุมพลังเบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร 131 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร  มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 163 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 324 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร จากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh แบบ BYD Blade (LFP) วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 81 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จและการเติมน้ำมัน 1ครั้ง วิ่งไกล 961 กิโลเมตร  อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 5.9 วินาที

    ทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport และ Terrain Mode ด้วยโหมด Mud Snad และ SnowBYD

    รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 3.3 และ 7 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ และระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking)

    พร้อมระบบกันสะเทือนแบบ MacPherson strut เสริมความนุ่มนวลและการยึดเกาะถนน และระบบกันสะเทือนแบบ Multi-Link ยกระดับความนุ่มนวลและความสบายระหว่างการเดินทางเก็บเสียงรบกวนจากภายนอกให้ห้องโดยสารเงียบสงบตลอดเส้นทาง

    พร้อมความปลอดภัยขับเคลื่อนโดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) ที่มาอย่างครบครันออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุและลดความเสี่ยงได้แก่ ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) Stop and Go ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW) ช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB) ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS) ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง (PCW with RCW)

    ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA, RCTB) ช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกช่องทางเดินรถ (LDP) ช่วยควบคุมฉุกเฉินให้รถอยู่ในช่องทางเดินรถ (ELKA) ช่วยเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (LCW) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (Follow Me Home)

    ความปลอดภัยพื้นฐานทั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน ตรวจวัดแรงดันลมยาง (TPMS) จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX เสริมแรงเบรกอัจฉริยะ เบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถล (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC) และกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา

    BYDBYD Sealion 6 หรือ BYD SEAL U DM-i ขายจริงที่ออสเตรเลียสองรุ่นย่อยในราคาไม่รวมค่า On-Road ของออสเตรเลียเริ่ม $48,990- $52,990 หรือราว 1,185,000-1,279,000 บาท ส่วนทางด้านเมืองไทยส่งมอบช่วงปลายปี 2024 (ไตรมาสสี่) มีสีภายนอกทั้งสีเทา Harbour Grey, สีขาว Arctic White, สีดำ Delan Black, สีฟ้า Azure Blue สีเทาอ่อน Stone Grey ส่วนเมืองไทยขายจริงและส่งมอบช่วงปลายปี 2024 (ไตรมาสสี่)

    ที่มา Carsales

    ABOUT THE AUTHOR

    Latest Posts