อีกหนึ่งรถใหม่จากเจ็ดรุ่นโชว์ตัวที่งาน Bangkok Motor Show 2024 ของค่าย BYD ที่คนไทยอาจคุ้นหน้าคุ้นตานั่นก็คือ BYD SONG MAX EV หรือ BYD M6
ครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกของโลกที่เปิดตัวรุ่นปรับโฉมครั้งที่สองในเมืองไทยสำหรับ BYD Song MAX เอ็มพีวีจากตระกูล Dynasty พื้นฐานเดียวกับ BYD E6 (เปิดตัวเจนที่สองในปี 2021) รุ่นยอดนิยมของเหล่าแท็กซี่ หน่วยงานราชการและใช้ส่วนบุคคลแต่รุ่นนี้อัปเกรดให้หรูกว่า เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2017
หน้าตาคล้ายกับ BYD ATTO 3 เริ่มที่ กระจังหน้าแบบปิดทึบขอบกระจังหน้าห่อหุ้มด้วยเส้นโครเมียมรับกับชนหน้าออกแบบใหม่ตัดไฟตัดหมอกหน้าออกไปในชุดไฟหน้า LED สไตล์ Dragon Eye พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน ด้านข้างหรูด้วยกรอบกระจกโครเมียม กระจกมองข้างทรงสปูนสีเดียวกับตัวรถ ที่เปิดประตู หลังคาพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่ที่มีม่านบังแดดไฟฟ้าแบบป้องกันรังสียูวี
ด้านท้ายติดตรา BYD ไฟท้าย LED ติดขอบโครเมียมเรียบเนียนเชื่อมสองฝั่งลงตัวด้วยกันชนหลังทรงหรู ประตูท้ายระบบไฟฟ้า และล้ออัลลอยลายเข้มทูโทนขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 225/55 R17 มาพร้อมขนาดตัวถังความยาว 4,710 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,810 มิลลิเมตร ความสูง 1,690 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,800 มิลลิเมตร จาก e-Platform 3.0 CTP Blade Battery + BYD Intelligent Driving System
ภายในหรูแบบสามตอนทั้งแบบ 6 ที่นั่ง 2+2+2 หรือ 7 ที่นั่ง 2+3+2 เบาะนั่งตอนที่สามสามารถพับเก็บได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการขนสัมภาระ แบบ 580 ลิตร มาพร้อมโทนภายในสีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลเข้ม และสีขาว เด่นที่คอนโซลหน้าหรูเล่นลายเกล็ดมีหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 12.8 นิ้ว หมุนปรับจากแนวนอนเป็นแนวตั้งได้ พร้อมลำโพงรอบคัน 6 จุด รองรับระบบ Apple CarPlay® และ Android Auto™
พร้อมมาตรวัดสี TFT ขนาดใหญ่ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน เบาะหนังปรับไฟฟ้า แป้นเกียร์และเบรกมือไฟฟ้า ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Lightระบบปรับอากาศสำหรับห้องโดยสารทุกโซนแบบอัตโนมัติ ปรับอุณหภูมิทั่วทั้งห้องโดยสารได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเครื่องปรับอากาศที่มีตัวกรองฝุ่น PM 2.5 ให้ความสะอาดและเย็นสบาย ควบคู่ไปกับการระบายความร้อนของแบตเตอรี่อย่างมีประสิทธิภาพ
คันที่มาโชว์เป็นรุ่นไฟฟ้าล้วนด้วย ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสูงสุด 71.8 kWh ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 8.6 วินาที มาพร้อมความปลอดภัยในด้านการต้านทานต่ออุณหภูมิสูงอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการชาร์จแบบกระแสตรงที่ความแรงสูงสุด 115 Kw โดยใช้เวลา 40 นาทีในการชาร์จไฟตั้งแต่ SOC 10%-80% และ 28 นาทีในการชาร์จไฟตั้งแต่ SOC 30%-80% รองรับการชาร์จแบบกระแสสลับที่ 7 kW และรองรับระบบ VtoL พร้อมช่วงล่างอิสระสี่ล้อด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut จับคู่กับ Multi-Link คู่หลังยกระดับความนุ่มนวลและความสบายในการโดยสาร
ระบบความปลอดภัย อาทิ ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (AEB) ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ (ESC) ป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ (TCS) ควบคุมการกระจายแรงเบรก (EBD) ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HHC) ช่วยเตือนการชนด้านหน้า (FCW) ช่วยเตือนการชนด้านหลัง (RCW) ช่วยเตือนจุดอับสายตา (BSD) ช่วยเตือนวัตถุเคลื่อนผ่านขณะเปิดประตู (DOW) ช่วยเตือนเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) ช่วยรักษาช่องทางเดินรถฉุกเฉิน (ELKA)
ช่วยขับขี่อัจฉริยะ กล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่วยควบคุมการไหลของรถอัตโนมัติ (AVH) ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมฟังก์ชัน Stop and Go (ACC-S&G) เซนเซอร์ช่วยจอด 4 ตำแหน่ง เตือนการออกนอกช่องทางเดินรถ (LDA) ถุงลมนิรภัยคู่หน้าฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างฝั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ม่านถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านหลัง
หนึ่งในยานยนต์ที่ออกแบบภายใต้คอนเซปต์ตระกูลราชวงศ์ (Dynasty Series) มาในรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานความเรียบง่ายและทันสมัย งามสง่าด้วยสัดส่วนที่ลงตัว สัมผัสได้ถึงสุนทรียภาพทางเทคโนโลยีของพลังงานแห่งอนาคต โชว์ตัวที่งาน Bangkok Motor Show 2024 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน ส่วนจะมีแผนจำหน่ายในไทยเป็นหนึ่งในห้ารุ่นใหม่หรือไม่ต้องติดตาม