จบปีกระต่ายกับตลาดรถยนต์ปี 2566 ด้วยตัวเลขไม่ถึง 8.55 แสนคันอยู่ที่ 775,780 คัน ลดลง 9% จากปัจจัยหลายๆอย่างที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาด
จากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ กำลังซื้อที่ชะลอตัวลงจากหนี้ครัวเรือนสูง ตลอดจนการชะลอซื้อรถยนต์ของภาคธุรกิจเพื่อรอความชัดเจนจากมาตรการรัฐซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ยังพอมีปัจจัยด้านบวกอื่นๆ ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวม อาทิ สัดส่วนการขายของตลาดรถยนต์นั่งในประเทศที่ขยายตัวได้ดี โดยได้กระแสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ได้อานิสงส์จากมาตรการสนับสนุนด้านราคาของภาครัฐ ตลอดจนตัวเลขการส่งออกรถยนต์ของไทยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนการผลิตเพื่อส่งออกในช่วงที่ผ่านมา เพื่อชดเชยการส่งมอบรถที่ล่าช้าจากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญจนทำให้การผลิตล่าช้าออกไปในปีก่อนหน้านี้
จากปัจจัยต่าง ๆ ดังกล่าว ได้สะท้อนมายังตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยมีตัวเลขยอดขายรวมในปี 2566 อยู่ที่ 775,780 คัน หรือลดลง 9% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ประกอบด้วยรถยนต์นั่ง 292,505 คัน เพิ่มขึ้น 10% รถเพื่อการพาณิชย์ 483,275 คัน ลดลง 17% รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง PPV) 325,024 คัน ลดลง 29% และรถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง PPV) 264,738 คัน ลดลง 32%
แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2567 คาดว่าจะยังคงอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมๆ กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด โดยมีปัจจัยรอบด้านที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวม อาทิ การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นโยบายของภาครัฐที่จะสนับสนุนการใช้จ่ายให้เร่งตัวขึ้น การขยายตัวของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมภายในประเทศและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการผลักดันมาตรการสนับสนุนการลงทุนผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าดูสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลในด้านการส่งออก ตลอดจนสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูง และทิศทางของนโยบายอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย ทำให้คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปี 2567 จะอยู่ที่ 800,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 296,500 คัน เพิ่มขึ้น 1% รถเพื่อการพาณิชย์ 503,500 คัน เพิ่มขึ้น 4%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือน มกราคม–ธันวาคม 2566
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 775,780 คัน ลดลง 8.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 265,949 คัน ลดลง 7.9% ส่วนแบ่งตลาด 34.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 151,935 คัน ลดลง 28.5% ส่วนแบ่งตลาด 19.6%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 94,336 คัน เพิ่มขึ้น 13.9% ส่วนแบ่งตลาด 12.2%
อันดับที่ 4 ฟอร์ด 36,483 คัน ลดลง 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 4.7%
อันดับที่ 5 มิตซูบิชิ 32,668 คัน ลดลง 35.2% ส่วนแบ่งตลาด 4.2%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 292,505 คัน เพิ่มขึ้น 10.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 99,292 คัน เพิ่มขึ้น 20.0% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 56,723 คัน ลดลง 8.0% ส่วนแบ่งตลาด 19.4%
อันดับที่ 3 เอ็มจี 19,409 คัน เพิ่มขึ้น 34.3% ส่วนแบ่งตลาด 6.5%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 15,430 คัน ลดลง 27.1% ส่วนแบ่งตลาด 5.3%
อันดับที่ 5 เนต้า 13,836 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.7%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 483,275 คัน ลดลง 17.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 166,657 คัน ลดลง 19.1% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 151,935 คัน ลดลง 28.5% ส่วนแบ่งตลาด 31.4%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 37,613 คัน เพิ่มขึ้น 77.6% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%
อันดับที่ 4 ฟอร์ด 36,461 คัน ลดลง 16.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%
อันดับที่ 5 บีวายดี 19,213 คัน ส่วนแบ่งตลาด 4.0%
4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ PPV) ปริมาณการขาย 325,024 คัน ลดลง 28.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 136,350 คัน ลดลง 30.4% ส่วนแบ่งตลาด 42.0%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 128,689 คัน ลดลง 26.8% ส่วนแบ่งตลาด 39.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 36,461 คัน ลดลง 16.3% ส่วนแบ่งตลาด 11.2%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 17,142 คัน ลดลง 40.8% ส่วนแบ่งตลาด 5.3%
อันดับที่ 5 นิสสัน 4,618 คัน ลดลง 29.1% ส่วนแบ่งตลาด 1.4%
*ปริมาณการขายรถปิกอัพดัดแปลง PPV ปริมาณการขาย 60,286 คัน ลดลง 9.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 22,088 คัน ลดลง 20.2% ส่วนแบ่งตลาด 36.6%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 20,851 คัน เพิ่มขึ้น 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 12,030 คัน เพิ่มขึ้น 23.2% ส่วนแบ่งตลาด 20.0%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 4,169 คัน ลดลง 43.7% ส่วนแบ่งตลาด 6.9%
อันดับที่ 5 นิสสัน 1,148 คัน ลดลง 4.5% ส่วนแบ่งตลาด 1.9%
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 264,738 คัน ลดลง 31.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 115,499 คัน ลดลง 34.2% ส่วนแบ่งตลาด 43.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 106,601 คัน ลดลง 28.0% ส่วนแบ่งตลาด 40.3%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 24,431 คัน ลดลง 27.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.2%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 12,973 คัน ลดลง 39.9% ส่วนแบ่งตลาด 4.9%
อันดับที่ 5 นิสสัน 3,470 คัน ลดลง 34.7% ส่วนแบ่งตลาด 1.3%
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนธันวาคม 2566
1.ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 68,326 คัน ลดลง 17.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 24,105 คัน ลดลง 20.2 % ส่วนแบ่งตลาด 35.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,264 คัน ลดลง 43.7% ส่วนแบ่งตลาด 15.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 9,820 คัน เพิ่มขึ้น 18.0% ส่วนแบ่งตลาด 14.4%
อันดับที่ 4 บีวายดี 4,055 คัน เพิ่มขึ้น 1,199.7% ส่วนแบ่งตลาด 5.9%
อันดับที่ 5 ฟอร์ด 2,828 คัน ลดลง 49.0% ส่วนแบ่งตลาด 4.1%
2. ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 26,141 คัน เพิ่มขึ้น 5.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,258 คัน ลดลง 18.8% ส่วนแบ่งตลาด 27.8%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 5,426 คัน ลดลง 6.2% ส่วนแบ่งตลาด 20.8%
อันดับที่ 3 บีวายดี 3,334 คัน ส่วนแบ่ตลาด 12.8%
อันดับที่ 4 เนต้า 1,779 คัน เพิ่มขึ้น 74.6% ส่วนแบ่งตลาด 6.8%
อันดับที่ 5 เอ็มจี 1,742 คัน เพิ่มขึ้น 11.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.7%
3. ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 42,185 คัน ลดลง 27.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 16,847 คัน ลดลง 20.7% ส่วนแบ่งตลาด 39.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,264 คัน ลดลง 43.7% ส่วนแบ่งตลาด 24.3%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 4,394 คัน เพิ่มขึ้น 73.1% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%
อันดับที่ 4 ฟอร์ด 2,825 คัน ลดลง 49.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.7%
อันดับที่ 5 ฮีโน่ 2,116 คัน เพิ่มขึ้น 29.3% ส่วนแบ่งตลาด 5.0%
4. ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ PPV*) ปริมาณการขาย 24,023 คัน ลดลง 44.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 10,614 คัน ลดลง 41.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 9,090 คัน ลดลง 45.4% ส่วนแบ่งตลาด 37.8%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,825 คัน ลดลง 49.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.8%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 1,063 คัน ลดลง 55.0% ส่วนแบ่งตลาด 4.4%
อันดับที่ 5 นิสสัน 353 คัน ลดลง 17.7% ส่วนแบ่งตลาด 1.5 %
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (PPV) ปริมาณการขาย 4,480 คัน ลดลง 42.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 1,770 คัน ลดลง 35.8% ส่วนแบ่งตลาด 39.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 1,320 คัน ลดลง 52.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,067 คัน ลดลง 31.8% ส่วนแบ่งตลาด 23.8%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 239 คัน ลดลง 61.4% ส่วนแบ่งตลาด 5.3%
อันดับที่ 5 นิสสัน 84 คัน ลดลง 30.0% ส่วนแบ่งตลาด 1.9%
5. ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 19,543 คัน ลดลง 44.9%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,844 คัน ลดลง 42.3% ส่วนแบ่งตลาด 45.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 7,770 คัน ลดลง 44.4% ส่วนแบ่งตลาด 39.8%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,758 คัน ลดลง 55.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.0%
อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 824 คัน ลดลง 52.7% ส่วนแบ่งตลาด 4.2%
อันดับที่ 5 นิสสัน 269 คัน ลดลง 12.9% ส่วนแบ่งตลาด 1.4 %