ก่อนที่ทาง ฮอนด้า เตรียมเปิดตัวและช่องทางจำหน่ายของ Honda e:N1 เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายที่ได้ประกอบในไทยอย่างเป็นทางการ
ล่าสุดทาง ฮอนด้า บริจาค Honda e:N1 1 คัน พร้อมเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 1 เครื่อง ให้กับทาง สภากาชาดไทย เพื่อใช้ในกิจกรรมทางการแพทย์ อาทิ รับ-ส่งเลือดจากสำนักงานสภากาชาดไทยและโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน ขนส่งเลือดและยาไปยังโรงพยาบาลและคลินิกเครือข่าย รับเลือดจากหน่วยรับบริจาคเพื่อการดำเนินการรักษาในเบื้องต้นหรือในกรณีฉุกเฉิน ขนส่งบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์การแพทย์ และการให้บริการรับบริจาคโลหิตในหน่วยย่อยและในโรงพยาบาล
สำหรับ Honda e:N1 นำพื้นฐานมาจาก Honda HR-V แปลงกายเป็นไฟฟ้าล้วนจากแพลตฟอร์ม e:N Architecture F ภายนอกหล่อกกระเบียดนิ้วดูรักษ์โลกมากขึ้นด้วยกระจังหน้าแบบปิดสนิทพร้อมช่องชาร์จเเละกันชนหน้าใหม่ ไฟหน้า Full LED โคมเล็กลงฝังด้วยไฟหน้า Daytime LED
ด้านท้ายจะมีไฮไลท์อยู่ที่การเปลี่ยนตรา H เป็นตัวอักษร “H o n d a” เพื่อเพิ่มความน่าสนใจเข้าไป ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลายเข้มพร้อมยาง 225/50 R18 ส่วนด้านท้าย ติดตั้งใต้ไฟท้าย LED แนวยาวแบบรมดำ เข้ากับกันชนหลังสีทูโทนกับตัวรถ
มิติตัวรถตั้งแต่ความยาว 4,387 มิลลิเมตร ความกว้าง 1,790 มิลลิเมตร ความสูง 1,584 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,607 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดจากพื้น 135 มิลลิเมตร และน้ำหนักรถ 1,730-1,752 กิโลกรัม
ภายในทันสมัยตั้งแต่คอนโซลหน้าดีไซน์แปลกด้วยจอสัมผัส HD ขนาดใหญ่ 15.1 นิ้ว ทรงสี่เหลี่ยมที่ครอบคลุมการทำงานของฟังก์ชันรถไว้ในที่เดียวทั้งระบบความบันเทิงการสื่อสารแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะปิดท้ายด้วยคันเกียร์แบบปุ่มกด พร้อมระบบความปลอดภัย Honda CONNECT มาตรวัดดิจิตอล 10.25 นิ้วแบบ LCD และยังอัปเดตซอฟต์แวร์ OTA ผ่านระบบออนไลน์ เบาะหลังสามารถพับได้แบบ 60/40 เพิ่มพื้นที่ในการขนของมากขึ้น
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนยกชุดมาจาก Honda e:NY1 หรือ Honda e:NS1 ประจำการด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) พร้อมความจุแบตเตอรี่ lithium 68.8 kWh 204 แรงม้าที่ 4,621-5,000 รอบต่อนาที แรงบิด 310 นิวตันเมตรที่ 0-4,621 รอบต่อนาที
วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จหนึ่ง 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC (412 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP) ขับเคลื่อนล้อหน้า ให้ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 7.6 วินาที ชาร์จได้สองรูปแบบทั้งชาร์จกระแสตรง DC CCS2 กำลังสูงสุด 78 kW 0-80% ภายใน 46 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC Type 2 กำลังสูงสุด 11 kW 10-80% ภายในเวลา 6.45 ชั่วโมง
จับตาระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ครบครัน Honda SENSING จะใส่มาในเวอร์ชันไทยหรือไม่เช่นเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก Collision Mitigation Braking System: CMBS with Collision Mitigation Throttle System: CMTS
ควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF เตือนผู้ขับขี่ปรับลดความดันลมยางล้อ Deflation Warning System: DWS
เตือนการชนข้างหน้า Forward Collision Warning: FCW เตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ Lane Keeping Assist System: LKAS
เตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ Lead Car Departure Notification System: LCDN ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ Traffic Jam Assist: TJA การจดจำป้ายจราจร Traffic sign recognition: TSR ตั้งค่าจำกัดความเร็วสูงสุดอัจฉริยะ Intelligent Speed Limiter: ISL ช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง Blind Spot Information : BSI เตือนเมื่อมีรถผ่านขณะถอย Cross Traffic Monitor : CTM
ถุงลมนิรภัยรอบคันได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง ช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย Deceleration Paddle Selectors ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง Rear Seat Reminder เตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า เตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง แสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง Multi-view Camera System: MVCS
กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เซนเซอร์กะระยะ 8 จุด (8-position Parking Sensors) หน้า 4 จุด หลัง 4 จุด สัญญาณไฟแจ้งเตือนที่จะทำงานอัตโนมัติ เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน Emergency Stop Signal: ESS ควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง Vehicle Stability Assist: VSA
Honda e:N1 มาพร้อม สีขาวพรีเมียมซันไลท์ (มุก) ผลิตที่โรงงานฮอนด้า สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี ภายใต้มาตรฐานการผลิตด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยระดับโลก สอดคล้องกับนโยบายเตรียมเดินหน้าสู่เป้าหมายปี 2573 ในการผลิตและจำหน่ายยนตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (BEV) ด้วยสัดส่วนไม่น้อยกว่า 2 ล้านคันทั่วโลก เตรียมเปิดตัวและช่องทางจำหน่ายภายในงาน Bangkok Motor Show 2024 ค่าตัวคาดเริ่มต้น 1,100,000 บาท